เปิดเหตุผล ทำไมคาริอุส ถึงหลุดวงโคจร
การย้ายทีมไปบาเซิลล้มเหลว อยู่เบอร์ลินก็ได้รับบาดเจ็บที่ไหล่
ปล่อยยืมไป เบซิคตัส และอูนิโอน ก็ไม่เวิร์ค เพราะอะไร
อันที่จริงแล้ว คล็อปป์ต้องการเก็บคาริอุสเอาไว้เป็นแบ็คอัพ
และขายมิโญเล่ต์ออกไป แม้ว่าจะมีข้อเสนอที่น่าสนใจมาจากนาโปลี ในราคา 10 ล้านปอนด์สำหรับมิโญเล่ต์ แต่ข้อตกลงก็ไม่เกิดขึ้น ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2018 การตัดสินใจก็คือจัดการเรื่อง คาริอุสแทน
ลิเวอร์พูลตกลงให้เบซิคตัสยืมตัวใช้งานคาริอุสในราคา 2.25 ล้านปอนด์ และทีมจากอิสตันบูลก็ตอบตกลงโดยมีเงื่อนไขซื้อขาดในราคา 7.25 ล้านปอนด์ ในปี 2020 ถ้าเล่นได้อย่างคงเส้นคงวา รวมถึงการที่ทีมได้ผ่านไปเล่นบอลยุโรปด้วย
นี่เป็นสัญญาที่ปกป้องมูลค่าค่าตัวของคาริอุสเอาไว้ ในกรณีที่เบซิคตัส ไม่ได้คิดจะซื้อเขาจริงๆ โดยลิเวอร์พุลเลือกจะต่อสัญญาให้คาริอุสออกไปอีก 1 ปีจนถึงปี 2022
การย้ายไปตรุกีใหม่ๆ คาริอุสก็ออกสตาร์ทได้ดี แต่ช่วงเวลานั้นก็มีความวุ่นวายในชีวิตของเขาเหมือนกัน
แฟนบอลเบซิคตัสกล่าวกันว่า “คาริอุส เป็นผู้รักษาประตูที่มีคนรู้จักทั่วโลก และแฟนบอลค่อนข้างเซอร์ไพรส์ที่เห็นเขาย้ายมาแม้จะเป็นสัญญายืมตัวก็ตาม
แต่แฟนบอลหลายคนก็ยังกังขากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคาริอุสในนัดชิงแชมป์เปียนลีกที่เคียฟ อยู่ และความรู้สึกนั้นส่งผลไปถึงนักเตะด้วย
โดยรวมแล้ว ที่เบซิคตัส คาริอุสก็มีผลงานที่น่าผิดหวัง ฤดูกาลแรกที่ตุรกีตอนแรกมีแต่ความหวัง แต่หลังจากนั้นกลับเป็นหายนะ
คาริอุส ลงสนามได้ 35 นัด ฤดูกาล 2018-19 และพวกเขาจบที่สาม ส่วนในศึกยูโรป้าลีกในเกมที่พบกับมัลโม ซึ่งทีมแพ้ทั้งไปกลับ คาริอุส โพสต์ในอินสตราแกรมที่มีคนติดตามถึง 1.6 ล้านคนว่า
“การจะประสบความสำเร็จในชีวิต คุณต้องการสองอย่าง คือ ความเขลา และ ความมั่นใจ (ignorance and confidence)
เดือนมีนาคม 2019 คาริอุสโดนผู้จัดการทีมเบซิคตัส เซญอล กูเนส ซึ่งเคยเป็นผู้รักษาประตูชื่อดังของตุรกีมาก่อนวิจารณ์ผ่านสื่อว่า
“เขาดูนิ่งเฉื่อยไปหน่อย” หลังจบเกมกับ คอนญาสปอร์
“มีอะไรบางอย่างผิดปกติกับพลังงานในตัวเขา ความกระหาย ความกระตือรือร้น ซึ่งผมรู้สึกได้มาตั้งแต่แรก กูเนสกล่าว
“เขาดูเหมือนไม่เป็นส่วนหนึ่งของทีมเลย เขาเป็นคนมีพรสวรรค์แต่ดูเหมือนพลังนั้นจะไม่ทำงาน และเราก็มีปัญหา”
ในเวลาเดียวกัน คาริอุสก็ร้องไปยังฟีฟ่า เรื่องที่เบซิคตัสไม่ได้จ่ายเงินค่าจ้างให้เขาเป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาก็กลับไปในสัญญายืมตัวปีที่สอง เล่นไปอีก 32 นัด แต่คาริอุสก็ฉีกสัญญาทิ้งในช่วงต้นที่โควิด 19 ระบาดและมีการล็อคดาวน์ในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เพราะว่าสโมสรเป็นหนี้สินหนักและไม่สามารถหาเงินจ่ายนักเตะได้
“มันก็น่าอาย ที่มันเกิดขึ้นอย่างนี้และจบลงอย่างนั้น แต่คุณควรรู้ว่าผมได้พยายามทุกสิ่งในการแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ แล้วโดยไม่ให้มีปัญหาอะไร
ผมต้องอดทนอย่างมากหลายเดือนในการบอกบอร์ดบริหารซ้ำแล้วซ้ำอีก กับสิ่งที่เกิดขึ้นในปีก่อน โชคไม่ดีที่พวกเขาไม่ได้พยายามแก้ปัญหา พวกเขาปฏิเสธแม้กระทั่งการที่ผมบอกว่า ผมยอมช่วยลดค่าจ้างให้ด้วยซ้ำ”
คาริอุสกล่าว
อย่างไรก็ตามในสายตาโค้ชก็ค่อนข้างตำหนิกับผลงานของคาริอุสพอสมควร
“เขาเล่นได้ไม่ดีนัก และทิ้งทีมไปตอนที่เกิดการระบาด ท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจมากมาย ความมั่นใจของเขาสูงมาก แต่เขาเสียประตูง่ายๆ หลายครั้ง”
“คาริอุส ดูถูกลีกของตุรกี เขาคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ ที่นี่ แต่เมื่อทุกอย่างแย่ลง เขากลับเลือกหนีไปทันที แต่ต่อให้คาริอุสอยู่จนครบสัญญา ทีมก็จะไม่ซื้อเขาอยู่ดี เพราะแนวทางการบริหารใหม่ต้องพิจารณาเรื่องเงินกันเยอะ และฝ่ายบริหารก็ไม่ชอบใจกับกรณีของเขามากนัก”
ในขณะที่ฝั่งอังกฤษที่แอนฟิลด์นั้นรู้สึกเสมอว่า คาริอุสได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีนักที่อิสตันบูล
“ความจริงแล้ว เบซิคตัสไม่ได้อยากจะซื้อคาริอุส เพราะต้องใช้เงินเยอะ พวกเขาต้องการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาว่าการที่มีคาริอุสอยู่ในทีมนั้น ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี”
“อันที่จริงแล้ว คาริอุสเล่นได้ค่อนข้างดีในหลายเกมกับเบซิคตัส แต่เมื่อทีมไม่ได้จ่ายเงินให้หลายๆ เดือน มันก็ย่อมมีผลกระทบกับผู้เล่น พวกเขาไม่อยากให้คาริอุสต้องไปร้องเรียนเรื่องนี้ถึงฟีฟ่าให้ยื่นมือมายุ่งด้วยหรอก”
ในที่สุด คาริอุสก็ต้องกลับมาที่เมอร์ซีย์ไซด์ ในซัมเมอร์ที่แล้ว และพิสูจน์ตัวเองต่อไป ช่วงปลายเดือนกันยายนปีก่อนเขาได้ย้ายไปร่วมทีม อูนิโอน เบอร์ลิน 1 ฤดูกาลในสัญญายืมตัว
“ผมได้แสดงผลงานที่ดีที่เยอรมัน เป้าหมายก็คือการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ผมเชื่อมั่นว่าผมยังเป็นผู้รักษาประตูที่ดีในระดับบุนเดสลีก้า”
อย่างไรก็ตามคาริอุสรู้สึกเหมือนโดนหนามทิ่มแทงใจทุกครั้งที่ถูกถามถึงค่ำคืนที่เคียฟ
“มันสองปีมาแล้ว ผมเล่นไปได้มากกว่า 60 เกมนับจากนั้น และไม่มีโอกาสนั้นอีกที่ลิเวอร์พูล ผมต้องวางเรื่องนี้ไว้ข้างหลัง และคนที่อยากจะคุยเรื่องนี้ก็มีแต่พวกนักข่าว ซึ่งมันก็น่าเบื่อแล้วนะ ณ ตอนนี้”
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้กลับไปเล่นในบ้านเกิดที่เยอรมัน คาริอุสก็ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่บนม้านั่งสำรอง ซึ่งมือหนึ่งตกเป็นของ อันเดรียส ลูเธอร์
คาริอุสได้ลงสนามแค่ 4 นัด เป็นตัวจริง 3 นัด ตอนที่ลูเธอร์ได้รับบาดเจ็บสั้นๆ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และเสียไป 1 ประตูเท่านั้น
แต่พอลูเธอร์หายกลับมา คาริอุสก็ถูกโค้ช อุส ฟิสเชอร์ เรียกไปคุย คาริอุสบรรยายถึงสภาพของเขาว่า “เขารู้สึกขมขื่นอย่างยิ่งในสถานการณ์ดังกล่าว”
อูนิโอนอันดับที่ 7 อย่างน่าประทับใจในฤดูกาลที่สองของบุนเดสลีกาและผ่านเข้ารอบในศึก ยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก
“เขารู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ดีระหว่างที่ตัวเองอยู่ที่เบอร์ลิน” คริสตอฟ เบียร์มันน์ นักข่าวท้องถิ่นกล่าว
“ตอนที่อูนิโอน เอาตัวผู้รักษาประตูฝีมือดีเข้ามาสองคน ทุกคนคาดว่าคาริอุสจะเป็นมือหนึ่งได้ แต่กลายเป็นว่า ลูเธอร์ได้โอกาสก่อนเสมอ และเขาก็ทำได้ดี ส่วนคาริอุสไม่อาจเป็นส่วนหนึ่งของทีมได้”
“ตอนที่คาริอุสได้ลงเล่น เขาก็ทำได้โอเคเลย เขาไม่ได้สร้างความผิดพลาดอะไร และดูว่าเขาก็ดูไม่ได้เครียดอะไรด้วย แต่ดูเหมือนว่าเขาต้องเป็นมือสองอยู่เรื่อย
ผมจำได้ได้ว่า โค้ชผู้รักษาประตูของทีมก็รู้สึกแฮปปี้ที่มีเขาอยู่ เพราะคาริอุสทำงานได้วิเศษมากไม่เหมือนที่พวกเขากลัวกันหรอก” เบียร์มันน์เผย
“คุณไม่อาจคาดหวังให้เขานั่งแต่บนม้านั่งได้ ในทีมระดับกลางของบุนเดสลีก้าแน่ๆ”
“การเซ็นคาริอุสเข้ามา สร้างความน่าตื่นเต้นในทีม อย่างแรก เขามาในสัญญายืมตัวของลิเวอร์พูล และอย่างที่สอง เขาเป็นแฟนของ โซเฟีย โทมัลล่า ซึ่งเป็นดาราชื่อดังของเยอรมัน
มันทำให้อะไรๆ ดึงดูดไปหาเขา โซเฟียและคาริอุสก็อาศัยอยู่ที่เบอร์ลิน แต่สุดท้ายทั้งสองก็แยกทางกันระหว่างที่อยู่ที่นี่”
คาริอุสโพสต์เรื่องที่เขาเลิกกับโทมัลลา ลงอินสตราแกรมว่า “Fallen apart”
“เรื่องการจะเก็บตัวคาริอุสไว้ใช้ต่อที่เบอร์ลินก็ไม่ได้ถูกพูดถึงเลยสักคำ” นักข่าวท้องถิ่นกล่าว
“คาริอุส ไม่ได้เป็นที่ถูกพูดถึงอะไรในเยอรมันมากนัก ถ้าเขาไม่ได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศ แชมป์เปียนลีก มันเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ในโลกฟุตบอล”
“มันก็น่าเศร้ากับเรื่องทีเกิดขึ้นกับเขา ผมรู้สึกได้ว่าเขาเป็นผู้รักษาประตูที่เหมาะสมมากทีเดียว อาจจะไม่ใช่กับที่เบอร์ลิน หรือ ที่ลิเวอร์พุล แต่มีสโมสรอีกทั่วโลกที่ คงจะรู้สึกดีถ้ามีเขาในทีม แต่หนึ่งในปัญหาก็คือ ค่าจ้างของเขาค่อนข้างสูง”
ตอนนี้คาริอุส กลับมาที่ลิเวอร์พูล และไม่มีโอกาสจะได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ค่อนข้างแน่นอนก่อนจะเดือนมกราคม
เขาอาจจะตัดสินใจปล่อยให้หมดสัญญาในซัมเมอร์หน้า ถ้ายังไม่มีทางเลือกข้อเสนอใดๆ เข้ามา
แม้ว่าเรื่องในนัดชิงแชมป์เปียนลีกจะผ่านมากว่า 3 ปีแล้ว แต่ภาพวันนั้นอาจจะยังติดตา ทำให้มีความสนใจในตัวเขาไม่มากนักที่จะเซ็นเขาไปร่วมทีม
“มันชัดเจนว่า มันจะดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย ถ้าคาริอุส หาทางแก้ปัญหาร่วมกับเอเยนต์ของเขาได้ในซัมเมอร์หน้า” แหล่งข่าวภายในของลิเวอร์พูลกล่าว
“เพราะเขาเองก็มีดีพอจะเป็นมือหนึ่งของสโมสรสักแห่งกับที่เขาต้องการ ต้องทำให้เกิดขึ้น ต้องมีโชคบ้างสำหรับอาชีพนี้”
เจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานร่วมกับคาริอุสสมัยที่เขายังเป็นวัยรุ่นที่ ไมนซ์บอกว่า
“ผมรู้ว่า เขาเป็นคนมีจิตใจเข้มแข็งเยือกเย็น คาแรกเตอร์เขาเหมือนกับ น้ำแข็งเลยทีเดียว เขาเล่นต่อหน้าคน 25000 คน เขาก็ไม่ได้รู้สึกประหม่าอะไร เขามีทุกสิ่งที่จะเป็นผู้รักษาประตูชั้นยอดได้”
“ทำไมเรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นมันก็น่าแปลก ปัญหาหลักก็คือ
เขาอาจจะย้ายมาที่ลิเวอร์พูลเร็วเกินไป
เขามีช่วงเวลาที่ดีที่ไมนซ์ เขาช่วยทีมให้ไปยูโรป้าลีกได้ ตอนนั้นเขาเพิ่งอายุ 22 ปีเท่านั้นเอง”
“ถ้าหากเขาได้มีประสบการณ์มากกว่านี้ และได้อยู่กับสิ่งแวดล้อมที่พร้อมจะให้อภัยเขาก่อนที่จะเกิดการซื้อขาย
บางทีอะไรๆ ก็อาจจะต่างไปจากสถานการณ์ตอนนี้ก็ได้”
อดีตโค้ชที่เคยฝึกสอนคาริอุส กล่าว
ที่สุดแล้ว เรื่องราวของ คาริอุส อาจจะเป็นเรื่องที่ทั้งโชคร้าย
การไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา การได้รับความไม่ยุติธรรมด้านอาชีพในหลายๆ ด้าน เสียงวิจารณ์ที่ไม่เป็นธรรมเพราะอาการบาดเจ็บ และอะไรอีกมากมาย
ดังนั้น การไม่เคลื่อนไหวในช่วงซัมเมอร์นี้หมายความว่า
คาริอุส จะมีเวลามากขึ้นในการเปลี่ยนเรื่องเล่ารอบๆ ตัวเขา ด้วยการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
***********
เรื่องราวของคาริอุสถือเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจในแง่มุมชีวิตที่พลิกผันเพราะเหตุการณ์ๆ หนึ่งที่เกิดขึ้น แต่อย่างหนึ่งที่ คาริอุส ต่างจากคนอื่นๆ ที่ล้มเหลวในอาชีพอย่างสิ้นเชิง ก็คือ เขามีวินัยของนักกีฬาและไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข เขาไม่เสียคนเพราะพฤติกรรมส่วนตัว ทุกวันนี้เขาก็ยังใช้ชีวิตปกติ และมีความเป็นมืออาชีพอย่างเต็มเปี่ยม
คิดอย่างไรก็เรื่องของคาริอุสก็ขอให้แสดงความเห็นกันอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกันครับ
Tom Wriner