มันคือวันสุดท้ายของตลาดนักเตะในช่วงซัมเมอร์ของปี 2017  ตอนที่กองกลางรายนี้ได้ทำการ ‘ตัดสินใจที่ยากลำบาก’ ในการอำลาอาร์เซนอล และย้ายมาอยู่กับทีมหงส์แดงของเจอร์เก้น คล็อปป์

มีจุดสูงสุด และจุดต่ำสุดในช่วงเวลานับจากนั้น ที่ช่วยหล่อหลอมนักเตะวัย 28 ปีอย่างไม่รู้ตัว ในการพูดคุยกับ Liverpoolfc.com อย่างตรงไปตรงมา

“ผมกำลังเข้าสู่ส่วนที่สองในอาชีพการทำงานของเขาตอนที่ผมย้ายมาร่วมทีม” เขาสะท้อนถึงช่วงเวลาดังกล่าว “ดังนั้น คุณจึงไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไป และยังเป็นดาวรุ่งพรสวรรค์ที่มีศักยภาพ และได้รับการคาดหวัง”

“โดยไม่รู้ตัว ผมคิดว่ามันเกิดขึ้นช้าๆ เมื่อเวลาผ่านไป ค่อยๆ เติบโต และกลายเป็นมืออาชีพระดับสูงทั้งใน และนอกสนาม ผมเดาว่าในบางแง่มุม อาจจะยิ่งกว่านั้นนอกสนาม ผมยังคงพยายามลงเล่นในวิธีการเดียวกับที่ผมเคยทำ”

“ผมได้เรียนรู้มากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา และชัดเจนว่ากับการบาดเจ็บเข่ารุนแรงที่เป็นครั้งแรกที่ผมต้องผ่าตัด ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนแปลงมุมมองของคุณทุกอย่าง”

“ผมคงต้องบอกว่าตัวเองแตกต่างออกไปนิดหน่อย หรือเติบโตขึ้น หรือมีประสบการณ์มากขึ้น แต่ผมยังคงรู้สึกว่าตัวเองมีคาแรกเตอร์ที่เหมือนเดิม วิธีที่ผมพยายามจะเล่นฟุตบอล และแสดงตัวตนออกมา มันไม่ได้เปลี่ยนไป และผมไม่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงมันไปมากมายจริงๆ”

“ผมแค่บอกว่าผมโฟกัสกับการโชว์ฟอร์มมากมาย และพยายามทำตัวเลข ไม่ว่ามันจะเป็นประตู หรือแอสซิสต์ รากฐานของชัยชนะ การทำให้แน่ใจในเรื่องที่เราจะชนะเกม และเดินหน้าคว้าถ้วยรางวัล กับโอกาสที่จะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง และความคาดหวัง”

“ผมคิดว่าอะไรทุกอย่างเหล่านี้พลิกมุมมองของคุณนิดหน่อยกับวิธีการของคุณ ความตั้งใจของคุณ”

อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนเผชิญหน้ากับลิเวอร์พูลมาแล้ว 10 ครั้งในอาชีพของเขากับอาร์เซนอล

หลังจากเซ็นสัญญากับหงส์แดง เขาต้องการสร้างความประทับใจที่แตกต่างออกไป ความประทับใจไม่รู้ลืม

เขาจดจำได้ว่า “นั่นคือความต้องการที่ปรากฎขึ้นมา และน่าจะเปลี่ยนแปลงความเห็นผู้คนเกี่ยวกับผม ความเห็นของแฟนบอลลิเวอร์พูลที่มีแต่ตัวผม และสิ่งที่ผมน่าจะนำมามอบให้ จากสิ่งที่พวกเขาอาจจะมองเห็นจากตัวผมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และอาจจะมองว่าผมเป็นตัวริมเส้นมากกว่า”

“ผมอยากจะแสดงมันออกมา และทำให้แน่ใจว่าผมทำได้ดี ก้าวต่อไป พัฒนาตัวเอง และช่วยให้ทีมก้าวไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน”

มันต้องใช้เวลานิดหน่อยในการทำให้เขารู้สึกเหมือนกับนักเตะลิเวอร์พูล แม้แต่ในช่วงก่อนปรับตัวเข้ากับการเล่นในทีมของคล็อปป์

การจัดการเอกสารการย้ายทีมของอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เสร็จสมบูรณ์ที่เซนต์ จอร์จส์ พาร์ก ในขณะที่เขากำลังทำภารกิจกับทีมชาติอังกฤษ

“การออกไปอยู่กับทีมชาติอังกฤษในฐานะนักเตะอาร์เซนอล และหลังจากนั้นกลับมาจากทีมชาติ และหลังจากนั้นปรับตัวกับการเล่นที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงในทีมชาติ นั่นค่อนข้างจะเหมือนฝัน แต่มันน่าตื่นเต้นเช่นกัน” เจ้าของเสื้อเบอร์ 15 กล่าว “ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน”

“ผมเซ็นสัญญา และหลังจากนั้นผมคิดว่าผมมีอีกสองเกมกับทีมชาติอังกฤษให้โฟกัส พอมันจบ และหลังจากนั้นทันใดนั้นผมเป็นแบบ  ‘โอเค ใช่ ตอนนี้ผมต้องออกไปเล่นให้กับลิเวอร์พูล’ ”

“ตอนที่ผมเซ็นสัญญาจริงๆ แล้วมันไม่ใช่กระบวนการง่ายๆ อย่างที่คุณจะทำตามปกติ จนกระทั่วหลังพักเบรกทีมชาติอังกฤษ และหลังจากนั้นตอนที่ผมไปที่เมลวู้ด และอะไรแบบนี้ ปฏิกิริยามันค่อนข้างล่าช้า ผมคิดอย่างนั้น”

“ผมรู้สึกเหมือนผมอยู่ในจุดที่ผมเฉียบคมขึ้น รวดเร็วขึ้น ฟิตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น”

ฤดูกาลที่สำคัญ และน่าตื่นเต้นรออยู่ตามความคิดในใจของอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน

กับการได้ฝึกซ้อมพรีซีซั่นเต็มๆ เขามุ่งมั่นจะก้าวต่อไปหลังจากการบาดเจ็บที่ผิดที่ผิดเวลาและรุนแรงที่เข่า

เขาพลาดเกมชุดใหญ่หนึ่งปีกับอีกสองวันพอดี หลังจากช่วยลิเวอร์พูลลงดวลกับโรม่าในแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศในปี 2018

หลังจากนั้นในวันที่สามของการเตรียมตัวในฤดูกาล 2020-21 ในออสเตรีย เขาลงไประหว่างเซสซั่นซ้อม และไม่ได้ลงเล่นจนถึงเดือนธันวาคม

เขาเล่าถึงเรื่องนี้ว่า “เมื่อผมกลับมาจากการบาดเจ็บเอซีแอล ผมได้ลงเล่นนิดหน่อยในฤดูกาลที่เราได้แชมป์ลีก (2019-20) และผมคิดว่าตัวเองทำประตูมากที่สุดจากการลงเล่นกองกลางในอาชีพของผม ผมคิดว่าแปดประตู และสองสามแอสซิสต์ และชัดเจนว่าเราจบฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าแชมป์ลีก และนั่นเป็นเรื่องมหัศจรรย์”

“แต่ผมคิดว่าฤดูกาลนั้นตอนที่ผมมองย้อนกลับไปตามมุมมองของผม ผมภาคภูมิใจเสมอในสิ่งที่ผมสามารถทำได้ตอนกลับมาจากการบาดเจ็บนั้น และโดยพื้นฐานคือการผ่านทั้งฤดูกาลโดยไม่มีการบาดเจ็บ และพร้อมเป็นตัวเลือกตลอดเวลา แต่ผมคิดว่าน่าจะมีอาการตกค้างจากการบาดเจ็บครั้งนั้นเล็กน้อย”

“ในแง่ตัวผมเอง ผมไม่จำไม่ได้ว่ามีช่วงเวลาที่สม่ำเสมอพอที่ผมรู้สึกว่าผมเล่นได้อย่างร้อนแรง ผมคิดว่ามันเป็นฤดูกาลที่ดีในแง่สิ่งที่ผมกลับมาจากการเล่นในระดับนั้น และลงเล่น และกลับไปเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ และอะไรแบบนั้น แต่ผมรู้ว่ามีอีกมากที่จะตามมา ประตูอีกมาก และการโชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอมากขึ้น”

“ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นโอกาสสำหรับผมที่จะเริ่มต้น และสร้างฤดูกาลที่ดีจริงๆ จากฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีตัวเลขชที่ดีจริงๆ ในแง่ของประตู และแอสซิสต์ แต่ผมคาดว่าทุกอย่างจะตามมา”

“มันไม่ได้รู้สึกเหมือนกับเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ เพราะว่าทุกอย่างเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทาง เรื่องราว แต่ผมรู้สึกว่านี่คือฤดูกาลที่สำคัญสำหรับผมที่จะเดินหน้า และทำเรื่องที่ดีจริงๆ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในระดับบุคคล และแน่นอนว่าสำหรับทีม”

การผ่าตัดทั้งหมด การฟื้นฟูร่างกายอย่างอุตสาหะ และการอุดช่องว่างเพื่อความมั่นใจที่คุ้มค่าที่จะอดทน

อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน กระตือรือร้นที่จะเน้นว่าไฮไลต์ในอาชีพของเขากับลิเวอร์พูลจนถึงตอนนี้ เป็นแรงบันดาลใจมากกว่าความทรงจำในช่วงเวลาที่มืดมน

“ชัดเจนว่าเป็นช่วงขาขึ้น” เขากล่าว “แม้แต่ตอนที่คุณไม่ได้รับการบาดเจ็บ ผมคิดว่าการใช้ชีวิตของเราที่ลิเวอร์พูล และในส่วนนี้ของประเทศกับการฝึกซ้อม และทุกอย่างที่เราทำ โดยไม่ได้ตระหนักว่ามีการเสียสละค่อนข้างมาก”

“ผมคิดว่ามีความแตกต่างจากตอนที่คุณอยู่ในลอนดอน และมีสถานที่ต่างๆ มากมายที่คุณสามารถไป และทำเรื่องต่างๆ และสำหรับผมเป็นการย้ายออกห่างจากครอบครัว และเพื่อนๆ”

“ผมคิดว่าทุกอย่างก็คือการโฟกัสมากขึ้นในสิ่งที่เราทุกคนทำอยู่ที่นี่ มันคือการเล่นฟุตบอล และโชว์ฟอร์มให้ดีเท่าที่คุณสามารถทำได้ และเสียสละ ดังนั้นตอนที่คุณบรรลุความสำเร็จบางอย่างด้วยกันในฐานะทีม ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่คุณยึดติด”

“การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ตอนที่เด็กๆ โชว์ฟอร์มอย่างที่เราทำได้ในมาดริด และชูถ้วยรางวัล อะไรทำนองนั้น พวกเขาคือคนที่อยู่กับผมมากที่สุด แน่นอนว่าในหลายๆ ช่วง”

“กับการบาดเจ็บ และอะไรแบบนั้น มันผสมปนเปเป็นภาพลางๆ นิดหน่อย คุณก็รู้ว่ามันไม่สนุก ดังนั้นการมีคนยึดมั่นในตัวผมแน่นอนว่าเป็นจุดที่ดี ค่ำคืนในแชมเปียนส์ลีก เกมแมนฯ ซิตี้ ที่แอนฟิลด์ อะไรต่างๆ เหล่านี้”

“พวกเขาคือเรื่องที่ผมจดจำมาที่สุด และได้รับพลังงานจากมันอย่างแน่นอน”

อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนอายุครบ 28 ปี ในเดือนที่แล้ว และได้เป็นพ่อคนเป็นครั้งแรก

การติดแท็ก ‘senior player’ (นักเตะรุ่นใหญ่) ในทีมชุดนี้เหมาะสมกับอายุ และเส้นทางการเล่นฟุตบอล มันเป็นสิ่งที่เขายินดีพร้อมกับหวาดหวั่นเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน

“ผมยังคงมองดูตัวเองว่าอยู่ในวัยเดียวกับฮาร์วีย์ถ้าพูดตามตรง!” อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนหัวเราะ “ดังนั้นมันแปลกๆ นิดหน่อยตอนที่คุณถูกจัดไปอยู่ในกลุ่มนักเตะรุ่นใหญ่ มันเกิดขึ้นเร็วมาก!”

“มันเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นเดียวกัน เมื่อคุณอยู่รอบๆ กำแพง และคุณทำอะไรหลายอย่าง ประสบการณ์นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ และมันช่วยเหลือคุณในการลงเล่น ในสถานการณ์ต่างๆ ลงเล่นร่วมกับนักเตะคนอื่นๆ วิธีการสื่อสารกับนักเตะคนอื่นๆ และดึงสิ่งที่ดีที่สุดออกมาจากกันและกัน และการมองดูพวกเขาในสถานการณ์ทั่วไปวันต่อวัน”

“ประสบการณ์มักจะช่วยเสมอในแง่การยอมรับ ซึ่งผมไม่ได้สนใจมัน แต่มันเป็นเรื่องที่แปลกที่คิดถึงผมในฐานะหนึ่งในคนที่อายุมากขึ้นอีกคนในทีมตอนนี้”

มีคำพูดว่าอายุนำมาซึ่งปัญญา

การเน้นไปที่มุมมองที่เปลี่ยนไปของเขา อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน พยายามจะยินดีกับโอกาสที่นี่ และตอนนี้มากขึ้นในช่วงนี้ของอาชีพของเขา

“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผมในจุดนี้ที่จะพยายามสนุกสนาน” เขาเริ่มต้นช่วงท้ายของการสนทนา

“ผมไม่คิดเลยจริงๆ ว่าผมจะเจอกับการบาดเจ็บมากขนาดนี้ แต่มันใหญ่มาก และมันทำให้ผมต้องพักนานมาก ซึ่งผมคิดว่าบางครั้งมันทำให้ผู้คนคิดว่าผมเจ็บอยู่ตลอด นั่นคือเรื่องที่ทำให้ผมผิดหวังนิดหน่อย”

“แต่ระหว่างช่วงเวลานั้น และการต่อสู้เพื่อกลับมา และพิสูจน์ตัวเอง และอะไรก็ตาม ผมต้องเตือนตัวเองว่าตลอดช่วงเวลานี้ในอาชีพของผม ผมยังโชคดีที่อยู่ในสโมสรฟุตบอลที่น่าทึ่งอย่างลิเวอร์พูล และผมโชคดีแค่ไหนที่ยังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ การแข่งขันในระดับนี้”

“ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม และสนุกสนานทุกๆ วัน สนุกกับความท้าทายในความพยายามจะร่วมทีมของเรา และเมื่อคุณอยู่ในทีม หรือไม่อยู่ในทีม ยังคงแข่งขันเพื่อชิงแชมป์ลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

“ผมคิดว่านี่คือเรื่องที่เมื่อคุณอยู่ในพรีเมียร์ลีก คุณอยู่ที่อาร์เซนอล และคุณอยู่ที่ลิเวอร์พูลมาแล้วสี่ปี บางครั้งมันง่ายที่จะคิดว่า ‘โอเค ผมต้องการมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ’แน่นอนว่าคุณต้องมีสิ่งนั้นในจุดที่คุณต้องการมากกว่านั้น แต่ผมคิดว่าบางครั้งมันก็ดีเช่นกันที่จะถอยออกมาดู และตระหนักว่าผมยังอยู่ในตำแหน่งที่อัศจรรย์ และโชคดีพอที่จะได้อยู่กับสโมสรที่อัศจรรย์อย่างลิเวอร์พูล”

“มันเป็นส่วนหนึ่งของความเพลิดเพลินทุกนาที ทั้งจุดสูงสุด และต่ำสุด และพยายามรับในสิ่งที่พวกเขาเป็น และทำงานไปด้วยกัน”

“เมื่อคุณอายุ 35 หรือ 36 ปี และคุณลงเล่นไม่ได้อีกต่อ ทุกอย่างบ่งบอกตัวมันเอง และมันจบแล้ว ผมคิดว่าผมมาถึงอายุ 28 ปี ค่อนข้างเร็ว ดังนั้นผมแน่ใจว่ามันจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน”

“มันเป็นเรื่องของความพยายามจะสนุกสนานกับทุกช่วงเวลา พยายามจะผลักดันตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเพื่อดึงสิ่งที่ดีที่สุดจากตัวเอง และพยายามจะผลักดันตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้”

“เพราะเมื่อทุกอย่างบ่งบอก และเสร็จเรียบร้อย สิ่งที่คุณย้อนมองกลับไปในสิ่งที่เราทำได้สำเร็จในฐานะทีม ซึ่งนั่นคือจุดที่ผมอยู่กับเรื่องนี้”