ลิเวอร์พุลและสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ต้องลดช่องว่างทางการเงิน กับทีมสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป ในการเจรจาสัญญาใหม่

ลิเวอร์พุลและสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ต้องลดช่องว่างทางการเงิน กับทีมสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป ในการเจรจาสัญญาใหม่

ช่วงเวลาที่ผ่านมาจะเห็นว่าลิเวอร์พูลเติบโตขึ้นหลายด้าน และมีความพยายามอย่างมากที่จะต้องดีลสัญญาทางการค้าระดับเมเจอร์ให้ได้ เพราะเมื่อนับเวลาแล้วเหลืออีกเพียงสองปีเท่านั้นกับสแตนดาร์ดชาร์เตอร์

นับแต่ปี 2010 เป็นต้นมา หงส์แดงเปลี่ยนโลโก้สปอนเซอร์ที่หน้าอกจากคาร์ลสเบิร์ก มาเป็นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ (ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีฐานอยู่ที่อังกฤษ) สัญญาปัจจุบันที่ต่อเอาไว้คือ 2019-2023 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 160 ล้านปอนด์ หรือ 40 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล
ซึ่งการเจรจาต่อสัญญาใหม่นั้นมีรายงานมาก่อนหน้านี้ว่าจะมีการเพิ่มเงินสนับสนุนให้มากขึ้นอีกปีละ 10 ล้านปอนด์
การที่สโมสรคว้าแชมป์รายการใหญ่ได้ทั้ง พรีเมียร์ลีก แชมป์เปี้ยนลีก และคลับเวิร์ลด์คัพ ได้ย่อมดึงดูดให้สปอนเซอร์รายใหญ่ต้องการทำสัญญาสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและมูลค่าทางการตลาดให้เพิ่มขึ้นด้วยกันทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามยังไม่แน่ชัดว่า ทางสแตนดาร์ดชาร์เตอร์จะต่อความสัมพันธ์กับสโมสรไปในลักษณะใด หลังสัญญาสิ้นสุดลง (เพราะอาจมีสปอนเซอร์รายใหม่เข้ามาและสปอนเซอร์เดิมอาจหันไปเป็นพันธมิตรสนับสนุนด้านอื่นๆ ให้กับสโมสรแทนได้)
แต่ไม่ว่าสโมสรจะต่อสัญญาใหม่ หรือดีลกับแบรนด์ใหม่ที่จ่อคิวรอเข้ามาก็ตาม โจทย์ของทาง FSG นั้นเจรจาให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางการตลาดให้สมกับทีมระดับแนวหน้าของยุโรปให้ได้เพื่อให้ได้แบรนด์ที่เหมาะมาอยู่บนหน้าอก
เมื่อเปรียบเทียบกับสโมสรชั้นนำของยุโรปแล้ว ลิเวอร์พูลยังอยู่อันดับ 7 ในเรื่องมูลค่าของเงินสนับสนุนสปอนเซอร์ที่หน้าอกเสื้อแข่ง
แม้ว่าข้อตกลง 160 ล้านปอนด์กับสแตนดาร์ดชาร์เตอร์และ 40 ล้านปอนด์ต่อปี จะทำให้ลิเวอร์พูลนำหน้าทีมอย่างเชลซี, ยูเวนตุส และลียงในทีม 10 อันดับแรกเรื่องค่าสปอนเซอร์หน้าอกก็ตาม
แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังถือว่ายังห่างกับเรอัล มาดริดที่มีแบรนด์สายการบินเอมิเรตส์อยู่บนหน้าอก ด้วยมูลค่า 356 ล้านปอนด์ในสัญญา 6 ปี (ปีละ 59.3 ล้านปอนด์ )
หมายความว่า รีลมาดริดนำหน้าลิเวอร์พูลและมีช่องว่างเรื่องดังกล่าวถึง 196 ล้านปอนด์ทีเดียว เทียบกับเงินปีต่อปีก็ต่างกันถึงเกือบ 20 ล้านปอนด์ ณ เวลานี้
อันดับหนึ่งคงไม่น่าแปลกใจเพราะเป็นรีล มาดริด
แต่ว่าอันดับสองนี่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ เพราะเป็นทีมในบุนเดสลีก้าอย่าง เฟาเอฟแอล โวล์ฟบวร์ก ที่เซ็นสัญญากับค่ายรถยนต์ดังอย่าง โฟล์คสวาเก้น ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเยอรมนีอยู่แล้ว
โดยมีค่าใช้จ่ายรายปีที่โฟล์กจ่ายให้ที่ราว 17 ล้านปอนด์
***โวล์ฟบวร์กนั้นเซ็นสัญญาแบบระยะยาวกับโฟล์คถึง 16 ปี ซึ่งสิ้นสุดสัญญาในปีที่คนเหล็กถือกำเนิด คือปี 2029 ได้เพิ่มมูลค่าของข้อตกลงให้ทะลุรวม 270 ล้านมาร์คเยอรมัน (ในอดีต)ไปแล้ว (ทางผุ้เขียนนับเอามูลค่ารวมของสัญญา)***
อันดับที่ 3 เป็นของบาเยิร์น มิวนิค ที่ยักษ์ใหญ่ขาประจำของถ้วยยุโรป มีสัญญา 7 ปี มูลค่า 267 ล้านปอนด์ กับ ดอยท์เทเลคอม ซึ่งมีมูลค่า 38 ล้านปอนด์ต่อปี
ในขณะที่สโมสรในอังกฤษที่เซ็นสัญญามูลค่ารวมมากที่สุดของสปอนเซอร์ก็ได้แก่ ทอทแน่มฮ้อตสเปอร์ กับทางบริษัทประกันชีวิตชื่อดังอย่าง AIA มูลค่า 265 ล้านปอนด์ ระยะเวลา 8 ปี (มุลค่า 33 ล้านปอนด์ต่อปี)
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มาแรงแซงทางโค้งเมื่อสามารถ หาสปอนเซอร์ใหม่เป็นบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Team Viewer มาแทนที่ เชฟโรเล็ตได้ในปีนี้ด้วยสัญญา 5 ปี มูลค่า 235 ล้านปอนด์ เฉลี่ยตกปีละ 47 ล้านปอนด์ (ซึ่งถือว่าจ่ายเงินรวมต่อปีมากที่สุดแล้วจากสโมสรในอังกฤษ)
เชลซี ก็ไปดีลกับเครือข่ายโทรศัพท์เน็ตเวิร์ครายใหม่อย่าง “Three” และมีระยะเวลาเท่ากับลิเวอร์พูลคือหมดสัญญากันในอีกสองปีข้างหน้า (มูลค่าไม่เปิดเผยตัวเลข)
อาร์เซนอลก็ดีลกับสายการบินเอมิเรตส์ได้ในมูลค่าเท่ากันกับลิเวอร์พูล
ส่วนสโมสรรายที่มีเรื่องราวต่างออกไปเรื่องนี้ก็คือ บาร์เซโลน่า
ปัญหาทางการเงินของบาร์เซโลน่าได้รับการบันทึกไว้และจดจำกันได้ดี สโมสรจากคาตาลันนั้นได้รับผลกระทบอย่างหนักที่สุดในบรรดาสโมสรใหญ่ของยุโรปจากการระบาดของโรคร้าย
อีกทั้งบาร์ซ่าได้สูญเสียดาวเตะอันดับหนึ่งอย่างลีโอเนล เมสซี่ไปให้ PSG ทำให้พวกเขาสูญเสียมูลค่าสินทรัพย์ทางการตลาดไปมหาศาล
เรื่องดังกล่าวค่อนข้างส่งผลกระทบในเรื่องการหาสปอนเซอร์มาสนับสนุนรายใหม่ที่หน้าอก เพราะสปอนเซอร์เดิมจากบริษัทญี่ปุ่นอย่าง Rakuten เองก็มีผลประกอบการที่ลดลงอย่างมากและเลือกจะตัดสัมพันธ์กับบาร์ซ่าหลังจบฤดูกาลนี้ (มูลค่าสัญญาที่ราคุเท็นมอบให้บาร์ซ่ามีมูลค่าเท่ากับที่แมนยูได้รับจาก team Viewer)
ครั้งหนึ่งบาร์เซโลน่าเคยเป็นสโมสรที่มีค่าสปอนเซอร์ที่หน้าอกที่มีมูลค่าสูงสุดซึ่งแข่งกับรีล มาดริดมาโดยตลอด
แต่การเสียสตาร์เบอร์หนึ่งไปรวมถึงปัญหาต่างๆ ภายในสโมสรก็เริ่มเป็นที่ขบคิดจากสปอนเซอร์ต่างๆ ที่จะเสี่ยงเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้ในดีลสัญญาต่อไปหลัง ราคุเท็นถอนตัว
สำหรับลิเวอร์พูลแล้ว เมื่อถึงปี 2023 จึงเป็นปีสำคัญที่จะต้องรักษาตำแหน่งและมูลค่าทางการตลาดเอาไว้ให้ได้
เพื่อให้ทีมได้พุ่งไปข้างหน้าและเป็นการปิดช่องว่างของรายได้ให้แคบลงมา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสโมสรต่อไป
Dave Powell -Business of Football Writer-
*********
Tom Wriner

• เรื่องน่าสนใจ •

สัมภาษณ์แรกของวาตารุ เอ็นโด ‘มันคือฝันที่เป็นจริงที่ผมได้เซ็นสัญญากับทีมลิเวอร์พูล’

วาตารุ เอ็นโด อธิบายว่าเขาบรรลุความทะเยอทะยานที่มีมาอย่างยาวนานอย่างไร...