รายชื่อนักเตะ  

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, ซิมิกาส, ฟาบินโญ่, เฮนเดอร์สัน, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มาเน่, ซาลาห์ และโชต้า

สำรอง: เคลเลเฮอร์, โกนาเต้, มิลเนอร์, เกอิต้า, เฟอร์มิโน่, โกเมซ, โจนส์, เบ็คส์ และ วิลเลียมส์

จังหวะที่สำคัญ

  • นาที   58 ลุคแมนยิงให้เลสเตอร์นำ 1-0

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 19 โดยไปเยือนเลสเตอร์ ซิตี้ ที่คิง เพาเวอร์ สเตเดียม

เกมนี้ไม่มีมินามิโนะ และติอาโก้ ที่บาดเจ็บที่กล้ามเนื้อเล็กน้อย

ลิเวอร์พูลได้บุกติดต่อกันสองจังหวะในนาที 8 เฮนเดอร์สันวิ่งเข้ามายิงจังหวะเลสเตอร์โหม่งบอลมาเข้าทางเข้าตรงหน้าเขตโทษแต่ลูกไม่เข้ากรอบ ก่อนที่ในนาที 11 มาติปขึ้นมาโหม่งเตะมุมของซิมิกาส บอลไม่เข้าเป้าหมาย

หังจากนั้นในนาที 15 ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อได้จุดโทษ หลังจากซาลาห์โดนสกัดในเขตโทษ แต่ซาลาห์ยิงจุดโทษไม่เข้า หลังจากชไมเคิ่ลป้องกันเอาไว้ได้ และโหม่งซ้ำไปชนคาน เกมยังคง 0-0 ก่อนที่ในนาที 23 ชไมเคิ่ลปัดบอลออกมาจากเส้นประตูได้ หลังจากเฮนเดอร์สันตั้งใจจะโฉบมาโขกการเปิดของอ็อกซ์แต่ไม่ถึง

ในขณะเดียวกันในนาที 28 ฟาน ไดจ์คตามมาขวางจังหวะจะพาบอลไปยิงของวาร์ดี้เอาไว้ได้เยี่ยม

ลิเวอร์พูล และเลสเตอร์ยังคงผลัดกันรุก โดยในนาที 32 ซาลาห์มีจังหวะตวัดยิงเร็วในเขตโทษ ชไมเคิ่ลผวาปัดข้ามคานออกไปได้ จากนั้นนาที 35 มาติปพุ่งมาขวางจังหวะยิงของวาร์ดี้ในเขตโทษได้อย่างรวดเร็ว และในนาที 37 แมดดิสันกึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู เทรนต์แหย่เท้าสกัดทิ้งออกไปได้

ลิเวอร์พูลโหมบุกหนักในท้ายครึ่งแรก โดยในนาที 43 เฮนเดอร์สันได้ยิงแบบไม่จับหลังจากแนวรับเลสเตอร์เคลียร์เตะมุมมาเข้าทางเขา แต่ลูกเหินข้ามคานออกไป จากนั้นในนาที 45 โชต้ามีจังหวะจบสกอร์ครั้งแรกของเกม บอลหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น

จบครึ่งแรกที่เลสเตอร์ ลิเวอร์พูลมีโอกาสมากกว่าอย่างชัดเจนแต่ยังคง 0-0

เกมในครึ่งหลัง

เริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลต้องต่อยอดเกมรุกให้ครึ่งแรก และแปรเปลี่ยนให้เนประตูให้ได้ แต่ในนาที 51 ซิมิกาสต้องล้มตัวสกัดบอลที่เลสเตอร์จะให้วาร์ดี้เล่นในเขตโทษออกข้างออกไปได้อย่างหวุดหวิด

ลิเวอร์พูลยังทำเกมรุกได้สวย ในนาที 55 มาเน่รับบอลจากโชต้าก่อนจะหลุดไปดวลกับชไมเคิ่ล แต่เขาซัดข้ามคานออกไป

คล็อปป์เปลี่ยนตัวคนแรกในนาที 55 โดยถอดออกอ็อกซ์ออก นำเกอิต้าลงมา ก่อนที่ในนาที 56 มาติปดักบอลก่อนจะถึงลุคแมนได้อย่างยอดเยี่ยม

ลิเวอร์พูลได้โอกาสอีกครั้งในนาที 57 มาเน่ได้เอี้ยวตัวยิงตรงกลางประตู ตรงตัวชไมเคิ่ล

แต่ทีมเจ้าบ้านมาได้ประตูนำในนาที 58 อเดโมล่า ลุคแมน ทำประตูให้เลสเตอร์ออกนำ 1-0

นาที 64 มิลเนอร์ถูกส่งลงสนามมาแทนที่ของฟาบินโญ่

คล็อปป์ส่งเฟอร์มิโน่ลงมาแทนที่ของเฮนเดอร์สันในนาที 70

ลิเวอร์พูลยังคงพยายามทำประตูตีเสมอ โดยในนาที 77 ซาลาห์ยกบอลจะให้มาเน่เล่นในเขตโทษ แต่น้ำหนักแรงไปหน่อย ลูกล้นออกหลังไป ก่อนที่นาที 80 เทรนต์โยนฟรีคิกลูกสูตรให้ซาลาห์วอลเล่ย์แบบไม่จับ บอลไม่ตรงกรอบ

ในช่วงนาที 82 โชต้าลอยตัวโขกเตะมุมของซิมิกาส บอลหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น

ช่วงท้ายเกม ฟาน ไดจ์คได้ยิงแบบเน้นๆในเขตโทษ ชไมเคิ่ลยังล้มตัวเซฟเอาไว้ได้อีก ในนาที 86 ก่อนที่ในนาทีต่อมา มาเน่ลอยตัวโหม่งการเปิดเตะมุมของซิมิกาส แต่บอลไม่เข้ากรอบ

ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 5 นาที โดยจังหวะบุกครั้งสุดท้ายของลิเวอร์พูลมาในนาที 90+4 มาติปได้โหม่งเตะมุมท้ายเกม แต่บอลไม่ตรงประตู ทำให้ลิเวอร์พูลพลาด 3 แต้มในเกมส่งท้ายปีนี้