ลงสนาม 492  นัด

เฮนเดอร์สันอำลาแอนฟิลด์หลังจากลงเล่นเกือบ 500  เกมให้กับสโมสร นับตั้งแต่ประเดิมสนามในการเจอกับซันเดอร์แลนด์ทีมเก่าเมื่อสิงหาคม 2011 โดยสุดท้ายกองกลางรายนี้ลงเล่น 492  เกม รั้งอันดับที่ 15 ร่วมในการลงเล่นให้หงส์แดงมากที่สุดตลอดกลายเท่ากับโรเจอร์ ฮันท์ โดยส่วนใหญ่แน่นอนว่ามาจากพรีเมียร์ลีก รวม 360  เกมพอดี เป็นรองเพียงเจมี คาร์ราเกอร์ และสตีเวน เจอร์ราร์ด โดยเเป็นเกมแชมเปียนส์ลีก 56 เกม ที่ลิเวอร์พูลผ่านเข้าชิงชนะเลิศสามครั้งระหว่างอาชีพของเขากับสโมสร โดยลงพบกับแมนฯ  ซิตี้มากที่สุดรวม  28 เกมในทุกรายการ

คว้าถ้วย 8  ใบ

เขาได้แชมป์ตั้งแต่ฤดูกาลแรกกับสโมสรจากลีก คัพปี 2021 ที่เฮนเดอร์สันลงเป็นตัวจริงในเกมดวลจุดโทษเอาชนะคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ก่อนที่จะต้องรอถึงเจ็ดปีกว่าจะคว้าถ้วยที่คุ้มค่ากับการรอคอยจากชัยชนะในแชมเปียนส์ลีกในมาดริดปี 2019  ตามด้วยเหรียญยูฟา ซูเปอร์ คัพ และแชมป์ฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพสมัยแรกของลิเวอร์พูล ก่อนจะเพิ่มแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2019-20 อันยอดเยี่ยม และเฮนเดอร์สันจะชูด้วยลีก คัพ และเอฟเอ คัพ ในฤดูกาลรองสุดท้ายของเขา ก่อนที่จะเพิ่มถาดแชมป์คอมมิวนิตี ชิลด์เป็นเกียรติประวัติในฤดูกาลสุดท้าย

การทีมงานร่วมกับผู้จัดการทีม 3 คน

เซอร์เคนนี ดัลกลิชเซ็นคว้าตัวเฮนเดอร์สันจากซันเดอร์แลนด์ในช่วงซัมเมอร์ปี 2011 ในขณะที่ตำนานชาวสก็อตเตรียมเริ่มต้นฤดูกาลแรกเต็มตัวในช่วงเวลาคุมทีมลิเวอร์พูลรอบที่สอง หลังการจากไปของดัลกลิช และมีการแต่งตั้งเบรนแดน ร็อดเจอร์สในช่วงซัมเมอร์ถัดไป เฮนเดอร์สันปฏิเสธการย้ายออกจากแอนฟิลด์ และทำงานอย่างหนักในการติด 11 ตัวจริง ซึ่งพัฒนาการของเขาภายใต้การคุมทีมของร็อดเจอร์สทำให้กองกลางรายนี้ได้เป็นรองกัปตันทีมต่อจากเจอร์ราร์ดก่อนฤดูกาล 2014-15 แล้วรับหน้าที่กัปตันทีมยาวนานหลังจากนั้นหนึ่งปี เฮนเดอร์สันเป็นทั้งผู้นำ และตัวหลักในทีมตัวจริงของเจอร์เก้น คล็อปป์ที่เข้ามาคุมทีมตั้งแต่ตุลาคม 2015

ปีในฐานะกัปตันทีมลิเวอร์พูล

หลังจากรับตำแหน่งในปี  2015  เฮนเดอร์สันก้าวขึ้นมาสวมปลอกแขนกัปตันทีมให้กับลิเวอร์พูลแปดฤดูกาล โดยมีกัปตันทีมแค่สี่คนที่นำทีมลงเล่นมากกว่า 268 เกมของเขาในประวัติศาสตร์ของสโมสร ในรายการนี้ เฮนเดอร์สันขยับขึ้นไปแซงอเล็กซ์ เรสเบ็ค หนึ่งนัด และหนึ่งตำแหน่งระหว่างสัปดาห์สุดท้ายของฤดูกาล 2022-23 มีถ้วยเจ็ดใบภายใต้ยุคที่เขาเป็นกัปตันทีม รวมถึงโด่งดังในลีลาชูด้วยที่เรียกว่าการ  ‘สับขาของเฮนโด้’ ที่เขาเริ่มทำหลังคว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีกเมื่อสี่ปีก่อน

ทำไป 33 ประตู

ประตูแรกของเจ้าของเสื้อเบอร์ 14 หงส์แดงเกิดในสัปดาห์แรกๆ ในเมอร์ซีย์ไซด์ เมื่อเขาบรรจงยิงด้วยเท้าซ้ายในเกมพบกับโบลตัน วันเดอเรอร์ส ก่อนที่เขาจะยิงอีกหลายประตูตลอดสิบสองปีของเขา รวมถึงลูกยิงเต็มข้อในเกมชนะแมนฯ ซิตี้ในปี 2015  รวมถึงลูกยิงไกลที่แม่นยำในเกมเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ในปี 2016 และการยิงอย่างเยือกเย็นในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บีที่สแตนลีย์ พาร์ก ระหว่างฤดูกาล 2021-22 ที่ประตูหลังกลายเป็นประตูสุดท้ายของเขาในชุดหงส์แดง

58 แอสซิสต์

เฮนเดอร์สันยังสร้างโอกาสทำ 58 ประตูให้กับลิเวอร์พูล โดย 48 แอสซิสต์มาจากเกมพรีเมียร์ลีก โดยมีนักเตะแค่หกคนที่ดีกว่าเขาโดยรวมในดิวิชั่นนี้ในระหว่างช่วงเวลาของพวกเขากับหงส์แดง โดยฤดูกาลที่มีระสิทธิภาพที่สุดเกิดขึ้นตอนปี 2014-15 ที่เขาทำไป 14 แอสซิสต์ที่รวมถึงเก้าครั้งในลีกสูงสุด โดยนักเตะที่เฮนเดอร์สันทำสร้างโอกาสทำประตูให้มากที่สุดกับสโมสรคือหลุยส์ ซัวเรซ(แปด) และโมฮาเหม็ด ซาลาห์(เจ็ด) ซึ่งการจ่ายด้วยหลังเท้าช่วยให้รายหลังทำแฮตทริกที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในฤดูกาล 2021-22 เป็นไฮไลท์ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาลูกยิงเหล่านั้น

การลงเล่นนัดชิงชนะเลิศด้วยเมเจอร์ 10 ครั้ง

เฮนเดอร์สันลงเล่นให้ลิเวอร์พูลในนัดชิงชนะเลิศรายการเมเจอร์ 10  ครั้งตลอดช่วงเวลาของเขาในแอนฟิลด์ โดยเป็นตัวจริงทุกเกม และหกในนั้นจบลงด้วยตำแหน่งแชมป์ของหงส์แดง โดยเป็นแชเปียนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศสามครั้ง, เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศสองครั้ง, ลีก คัพ นัดชิงชนะเลิศสามครั้ง และยูฟา ซูเปอร์ คัพ และฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ อย่างละหนึ่งครั้ง โดยเฮนเดอร์สันยังเป็นตัวจริงอีกสองเกมของลิเวอร์พูลจากสามเกมในคอมมิวนิตี ชิลด์ภายใต้การคุมของคล็อปป์ ซึ่งเป็นซัมเมอร์ที่แล้วที่เขาคว้าเกียรติประวัติครบในทุกรายการ

ติดทีมแห่งปีของพีเอฟเอ 1 สมัย

เจ้าของเสื้อเบอร์  14 ติดทีมยอดยเยมจากฟอร์มส่วนตัวที่อยู่ในทีมเครื่องจักรสีแดงชุดแชมป์ในฤดูกาล 2019-20 เฮนเดอร์สันได้รับการโหวตติดทีมแห่งปีของพรีเมียร์ลีกภายใต้การโหวตของเพื่อนร่วมอาชีพ เขาลงเล่น 30 เกมลีกให้กับหงส์แดงในฤดูกาลนั้น และพวกเขาทำสถิติสโมสรด้วยการเก็บ 99 แต้ม โดยทำไปสี่ประตู และห้าแอสซิสต์ช่วยให้ทีมของคล็อปป์ยุติการรอคอยแชมป์ลีก  30 ปีของลิเวอร์พูลอย่างสวยสดงดงาม