ระหว่างรอสัญญาฉบับใหม่ที่มีข่าววงในระบุว่า ลิเวอร์พูล หาข้อตกลงที่เหมาะสมร่วมกับ Jordan Henderson ได้แล้ว
กัปตันทีมลิเวอร์พูล ได้ไปเปิดอกนั่งคุยกับ Dominic King นักข่าวสายหงส์แดง แห่ง Daily Mail พร้อมเปิดเผยหลายเรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ตลอดระยะเวลา 10 ปีในถิ่นแอนฟิลด์ นับตั้งแต่ย้ายมาจากซันเดอร์แลนด์ ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์
****
1. ถูกเสนอขายให้ฟูแล่มเพื่อคว้าตัว Demsey (2012)
ในฤดูกาล 2012/13 เป็นปีที่ 2 ของ เฮนโด้กับลิเวอร์พูล และเป็นปีที่ยากลำบากเพราะเขาไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเลยตลอด 4 เดือนแรก ภายใต้การคุมทีมของ Brendan Rodgers นั่นทำให้ Henderson ถูกเสนอขายให้กับฟูแล่มในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการที่ทีมจะนำตัว Clint Demsey มาที่แอนฟิลด์ แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้น
“ผมรู้ดีว่าในช่วงนั้น ผมไม่ได้ลงสนามมากนัก แต่ผมไม่อยากไปฟูแล่ม ผมใช้ช่วงเวลานั้นทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ฟิตขึ้น และผมรู้ดีว่า ผมจะทำได้ดีกว่าเดิมเมื่อโอกาสมาถึง แม้ว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับฟูแล่มจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากในอาชีพของผม แต่มันเป็นการตัดสินใจที่ง่ายมากที่จะไม่ย้ายไป ผมมีสัญญากับลิเวอร์พูลอีก 4 ปี และผมได้ยินเรื่องราวดีๆมากมายเกี่ยวกับ Brendan Rodgers เขาเป็นโค้ชที่ดี เขาเคยพาผมไปที่ห้องทำงาน เขาเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่ทำให้ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องแท็กติก”
****
2. ความรู้สึกเมื่อต้องรับปลอกแขนกัปตัน ต่อจากตำนานอย่าง Gerrard (2015)
“ผมจำวันนั้นได้ดี วันที่ Stevie บอกผมว่าเขากำลังจะจากไป เราอยู่ในโรงยิมที่เมลวู้ด เราต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ ต้องมีชีวิตที่ไม่มี Stevie อยู่ที่แอนฟิลด์ และอยู่ดีๆ ผมก็ต้องเปลี่ยนสถานะไปเป็นกัปตัน”
“ผมรู้สึกเสมอว่า Stevie เชื่อมั่นในตัวผม แม้ว่าคนอื่นๆจะไม่เชื่อก็ตาม”
Hendo เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขารู้สึกดีแค่ไหนในช่วงเวลาที่ย้ายมาลิเวอร์พูล และได้เล่นร่วมกับ Gerrard
“การได้อยู่ในห้องแต่งตัวร่วมกับ Steven Gerrard เป็นเหตุผลหนึ่งที่ลิเวอร์พูลมีความสำคัญต่อผม เขาเป็นผู้เล่นชาวอังกฤษที่ผมชื่นชอบ มีอิทธิพลอย่างมากต่ออาชีพนักฟุตบอลของผม และยิ่งเมื่อคุณได้ใกล้ชิดกับ Stevie มากขึ้น คุณจะรู้ว่า เขาเป็นคนที่สามารถทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างรวดเร็ว”
****
3. การมาของ Jurgen Klopp รองแชมป์บอลถ้วย 2 รายการ และการชนะแมนฯยูไนเต็ดในบอลยุโรป (2016)
ฤดูกาล 2015/16 Jurgen Klopp เข้ามาคุมทีมหงส์แดงในเดือนธันวาคม 2015 เขาพาทีมเข้าชิงยูโรป้าลีก และลีกคัพ แม้จะจบบที่ตำแหน่งรองแชมป์ทั้ง 2 รายการ แต่ก็กลับเข้าไปเล่นไป UCL ได้สำเร็จ
“แม้ว่าผมจะได้รับบาดเจ็บถึง 2 ครั้ง ผมพลาดนัดชิงยูโรป้าลีกด้วย แต่มันช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมาก แม้เราจะแพ้ในนัดชิงทั้ง 2 รายการ แต่เราก็เป็นลิเวอร์พูลทีมแรกที่ชนะแมนฯยูไนเต็ดได้ในฟุตบอลยุโรป”
****
4. ถามบอส “ผมยังอยู่ในแผนการทำทีมของคุณมั้ย” (2016)
หลังความพ่ายแพ้ต่อเซบีย่าในนัดชิงยูโรป้าลีก Henderson รู้สึกไม่มั่นใจว่าเขายังอยู่ในแผนการทำทีมของ Klopp ในซีซั่นต่อไป เขาจึงตัดสินใจเข้าไปคุย
“เขาบอกว่า ผมยังเป็นส่วนสำคัญของทีม เมื่อผมกลับมาจาก EURO 2016 ผมพร้อมที่จะเข้าสู่ระบบการเล่นแบบ rock and roll ของ Jurgen เมื่อเขามั่นใจในตัวผม ผมก็ต้องแสดงให้เขาเห็นว่าผมสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ ผมทำประตูได้ในเกมกับเชลซี และมันสำคัญมาก เพราะทำให้เรากลับมาอยู่ในเส้นทางที่ได้ไป UCL”
****
5. ความเจ็บปวดในนัดชิงแชมเปี้ยนลีกส์ “ผมไม่เคยกลับไปดูเกมนี้” (2018)
“ผมยังจำเกมกับเรอัลมาดริดได้ เราเริ่มต้นได้ดี และเราไม่ได้เล่นแย่ขนาดนั้น แต่มันมีช่วงเวลาที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นกับเรา ถ้าเป็นในวันอื่น เราอาจเป็นฝ่ายที่ได้ถ้วยรางวัลกลับไป ผมยังดูภาพในวันนั้นไม่ได้จริงๆ ไม่เคยย้อนกลับไปดูเกมนั้น มันยากมากที่เราจะผ่านช่วงเวลนั้นไป”
Henderson รู้ดีว่า เขารู้สึกเป็นเกียรติและควรภาคภูมิใจในฐานะกัปตันทีมลิเวอร์พูลในนัดชิงแชมป์ยุโรป แต่การเป็นรองแชมป์จะไม่ถูกจดจำ เขามั่นใจว่า ทีมจะกลับมาแต่ …
“ต้องรออีกนานแค่ไหน”
****
6. ค่ำคืนแชมป์ยุโรป Jurgen พาเราเดินทางมาอยู่ที่นี่ (2019)
หนึ่งปีหลังความพ่ายแพ้ต่อ เรอัล มาดริด Henderson สวมปลอกแขนนำลิเวอร์พูลลงสนามในนัดชิงแชมป์ UCL อีกครั้ง ฝันร้ายทั้งปวงได้หายไปจากชัยชนะเหนือสเปอร์ส และคนที่เขายกย่องมากที่สุดก็คือ Jurgen Klopp
Hendo ทวนความจำเมื่อปี 2013 เขาและนักเตะลิเวอร์พูล เคยไปที่สนามเบอร์นาเบว เพื่อดูเกมรอบรองชนะเลิศ UCL ระหว่างเรอัล กับ ดอร์ทมุนด์ เขาเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ข้างสนามในฐานะโค้ชของทีมเยือน ชายผู้ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
“สิ่งที่ผมเห็นทั้งหมดในสนาม คือวิธีการเล่นแบบที่ผมต้องการ ทั้งการบีบพื้นที่ ทั้งการโต้กลับ และจังหวะการเล่น”
เมื่อ Klopp มาที่ลิเวอร์พูล ผมตื่นเต้นมาก ผมฟังทุกอย่างที่เขาบอกเรา เขามักจะอธิบายว่า เราต้องฝึกซ้อมเพื่อให้ชินกับระบบของเขาให้ได้
“Jurgen รู้ดีว่าเขาพาเราร่วมเดินทางไปสู่ความสำเร็จได้ เขาแสดงให้เห็นแนวทาง ทำให้เราพร้อมจะติดตามเขาไป ถ้าไม่มี Jurgen เราก็คงไม่ได้ถ้วยแชมเปียนส์ลีก หลังจบเกม ผมเข้าไปกอดเขา นั่นเป็นกอดที่แทนคำขอบคุณจากผม”
****
7. เมื่อผมย้ายมา Liverpool ความฝันของผม คือ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก (2020)
การได้แชมป์พรีเมียร์ลีก คือความฝันของนักเตะทุกคน Henderson ย่อมไม่มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะเมื่อเขาได้เซ็นสัญญากับทีมที่มีโอกาสอย่างลิเวอร์พูล ในยุคของ Rodgers พวกเขาเกือบทำสำเร็จในฤดูกาล 2013/14 แต่มาสะดุดในช่วง 3 นัดสุดท้ายจนเสียแชมป์ให้ แมนฯซิตี้
ฤดูกาล 2019/20 เป็นฤดูกาลที่ยาวนานถึง 12 เดือน (หยุดแข่งเพราะการระบาดของโควิด-19) แต่มันเป็น 12 เดือนที่น่าเหลือเชื่อสำหรับกัปตันทีมลิเวอร์พูล พวกเขาคว้าแชมป์ยุโรป แชมป์ซุปเปอร์คัพ แชมป์สโมสรโลก และแชมป์ลีก
“แฟนๆควรจะอยู่ในสนามในวันที่เราได้ชูถ้วย เพื่อตอบแทนพวกเขาสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาด้วยกัน แต่สนามที่ว่างเปล่า ก็ไม่สามารถพรากความรู้สึกที่มีต่อความสำเร็จของเราไปได้ เราสมควรได้มันมา โรคระบาด เพียงแค่ทำให้เราได้มันช้าลงไปอีกหน่อยเท่านั้น”
****
8. คืนฝันร้ายกับเอฟเวอร์ตัน (2021)
26 กุมภาพันธ์ 2021 Henderson ลงเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คให้กับลิเวอร์พูลในเกมดาร์บี้แม็ตซ์ที่เปิดแอนฟิลด์แพ้เอฟเวอร์ตัน 0-2 และเขาได้รับบาดเจ็บที่โคนขาหนีบ ก่อนที่ EURO 2020 จะมาถึงในอีก 3 เดือน
“การบาดเจ็บในคืนนั้นหยุดเส้นทางของผมในฤดูกาลที่ผ่านมา มันเป็นฤดูกาลที่บ้ามาก ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าผมจะต้องมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค”
“แต่ในที่สุด เราก็จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 3 ซึ่งทุกคนในทีมสมควรได้รับเครดิต พวกเขาต่อสู้อย่างหนักใน 10 เกมสุดท้าย และทำได้สำเร็จ”
ก้าวต่อไป
“ผมรู้สึกเศร้าในช่วง 2-3 วัน หลังจากที่ได้แชมป์ลีก”
Hendo อธิบายประโยคนี้ว่า เมื่อคุณไปถึงจุดที่สูงที่สุด และคุณกำลังจะต้องกลับลงมา คุณจะรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่า แต่ในอีกมุมหนึ่งเมื่อคุณนึกถึงความยากลำบากต่างๆที่ต้องฝ่าฟันมา และพบว่า เราสามารถก้าวผ่านเส้นที่ผ่านยากที่สุดมาได้แล้ว นั่นคือ ความรู้สึกว่า “เราทำสำเร็จแล้ว”
“ผมรู้สึกขอบคุณตลอดเวลา 10 ปี ที่ลิเวอร์พูล ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือผมจนมาถึงจุดนี้ และเรายังมีเป้าหมายสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป … เราจะทำมันให้สำเร็จอีกครั้ง”
– มารชรา –