แฮตทริกของศูนย์หน้า (ตัวหลอก) หมายเลข 9 กับอิทธิพลจาก Mo Salah

แฮตทริกของศูนย์หน้า (ตัวหลอก) หมายเลข 9 กับอิทธิพลจาก Mo Salah

นับตั้งแต่ทัพหงส์แดงส่งเทียบเชิญ Jurgen Klopp เข้ามาเป็นรับบทบาทเป็นแม่ทัพใหญ่ตั้งแต่ปี 2015 คอยดูแลทั้งการศึกสงครามในสนามหญ้า ดูแลพัฒนาตกแต่งเหล่าทหารให้พร้อมออกรบในสมรภูมิระดับโลก

ทั่วทั้งยุทธภพต่างก็รู้กันว่า Klopp เป็นคนแรกๆที่นำกลยุทธ์ที่เรียกว่า False 9 หรือ ศูนย์หน้าตัวหลอก มาใช้แทนตำแหน่ง ศูนย์หน้าตัวเป้า
นั่นเป็นเพราะในทัพหงส์แดงมีทหารชาวบราซิลที่ชื่อว่า Roberto Firmino นักเตะที่ว่ากันว่า เหมาะกับบทบาทนี้ที่สุดคนหนึ่งในโลก
เขาเป็นกองหน้าตัวเป้าก็จริง แต่เขามีทักษะการครองบอลที่เลอเลิศ เก็บบอลไว้กับตัวได้ดี เสียบอลยาก ขยัน สามารถช่วยบีบแย่งบอลได้ ช่วยเล่นเกมรับ และที่สำคัญที่สุด คือ เขามีความสามารถในการพัก ไขว้ ดีด ส่งต่อ หรืออะไรก็ตามที่ช่วยเปลี่ยนทิศทางบอลไปยังเพื่อนซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่มีโอกาสทำประตูได้ดีกว่าอยู่เสมอ ยิ่งเมื่อ Mo Salah ขอใช้หมายเลข 11 ที่ Firmino เคยใส่ ทำให้เขาเปลี่ยนมาใส่ หมายเลข 9
เขาก็เป็น False 9 เต็มตัว
Firmino จึงเป็นศูนย์หน้าตัว “หลอก” ซึ่งทั้งที่แขวนป้ายติดหน้าอกเสื้อไว้ตลอดเวลาว่า “ฉันมีหน้าที่หลอก” แต่กองหลังของฝ่ายตรงข้ามก็ยังมักจะถูกหลอกอยู่เสมอ
แต่ในเกมกับวัตฟอร์ด ศูนย์หน้าตัวหลอก กลายเป็นตัวจบสกอร์ เพราะมี “ตัวหลอก” อยู่อีกคน
*******
ในเกมกับวัตฟอร์ด ที่วิคาเรจโร้ด เป็นเกมแรกของฤดูกาลที่ Firmino ลงเล่นครบ 90 นาที และเขาทำแฮตทริกได้สำเร็จ
ผู้เล่นหมายเลข 9 ที่เคยเป็นหนึ่งในสามประสานแนวรุกของกองทัพหงส์แดง ดูเหมือนว่าจะถูกลดบทบาทลงไปอย่างมากในฤดูกาลนี้ ตั้งแต่ช่วงปรีชีซั่นเขาถูกจับไปอยู่ทีมชุดสองในเกมอุ่นเครื่อง โดยมี Diogo Jota มาเล่นในทีมชุดแรกร่วมกับ Mane และ Salah แทน
สามนัดแรกของพรีเมียร์ลีก Firmino ลงเล่นเป็นตัวสำรองทุกนัด นัดแรกมีเวลาในสนาม 29 นาที ทำได้ 1 ประตูกับนอริช นัดต่อมาได้ลงเล่นแค่ 9 นาทีกับเบิร์นลีย์ นัดที่สามกับเชลซี เขาได้เล่น 42 นาที ก่อนจะบาดเจ็บพลาดพรีเมียร์ลีกไป 2 เกม กับลีดส์ และ พาเลซ รวมทั้งพลาดเกม UCL กับเอซีมิลาน
เมื่อหายจากบาดเจ็บ Firmino กลับมาลงสนาม 22 นาทีในเกมเสมอเบรนท์ฟอร์ด 3-3 และยิงประตูที่ 2 และ 3 ของตัวเองในฤดูกาลนี้ได้ ในเกม UCL ที่ทัพหงส์ถล่มปอร์โต้ไป 5-1 จากเวลาที่ได้ลงสนาม 23 นาที จากนั้นเขาก็มีเวลาอีกเพียง 22 นาที ในเกมกับแมนฯซิตี้
เมื่อสถานะในทีมสั่นคลอน เขาไม่มีชื่อในทีมชาติบราซิล Firmino จึงมีเวลาฝึกซ้อมอยู่กับทีมอย่างเต็มที่ในช่วงเบรกทีมชาติ และเมื่อ Jota ถูกส่งกลับมาจากโปรตุเกสพร้อมอาการบาดเจ็บ ทำให้เขา ถูกเลือกเป็น “สามประสานแนวรุก” ในฐานะตัวจริงอีกครั้ง ในเกมกับวัตฟอร์ด
สามประตูของ Bobby Firmino ในเกมกับวัตฟอร์ด เป็นสิ่งที่น่าวิเคราะห์ 2 ใน 3 ลูก เป็นการวิ่งเข้าไป Tab In ที่หน้าปากประตู อีก 1 ลูก เป็นจังหวะวิ่งเข้าไปซ้ำลูกที่ผู้รักษาประตูปัดออกมา
เป็นการยิงประตูที่ชวนให้นึกถึงเหล่าตัวเป้าอย่าง Inzaghi หรือ Roy Macaay แต่เมื่อดูลงไปในรายละเอียด จะพบปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ นั่นคือ การเคลื่อนที่ของ Mo Salah
ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงของ ราชันแห่งอียิปต์ ที่ยิงประตูมาแล้ว 7 นัดติดต่อกัน รวมถึง 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์สุดมหัศจรรย์ในเกมกับแมนฯซิตี้ ทำให้แนวรับของวัตฟอร์ด ให้ความสำคัญกับเขาเป็นพิเศษ เพราะเชื่อได้ว่า Salah จะเป็นเป้าหมายสุดท้ายในการจบสกอร์
ประตูแรกของ Firmino ในนาทีที่ 37 (ประตูที่ 2 ของทีม) เมื่อ Milner พาบอลมาถึงเส้นหลัง และ Salah ขยับจากเสาสองมาที่เสาแรก ส่วน Firmino วิ่งทแยงมุมฉีกไปที่เสาสอง จะเห็นได้ว่า แนวรับตัวสุดท้ายของวัตฟอร์ด คือ Rose ตาม Salah ไป ทำให้ Firmino ว่างอยู่คนเดียว
ประตูที่สองของศูนย์หน้าบราซิลก็เช่นกัน (ประตูที่ 3 ของทีม) แม้จะเป็นลูกซ้ำจากการที่กองหลังวัตฟอร์ด สกัดบอลไปให้ผู้รักษาประตูต้องปัดออกมาก็จริง แต่จะเห็นได้ชัดว่า กองหลังวัตฟอร์ด 3 คน ไม่มีใครประกบ Firmino เลย แต่พยายามสกัดบอลที่ไม่ให้ไปถึง Salah เมื่อบอลเด้งมาที่ปากประตู Firmino จึงยืนโล่งๆอยู่คนเดียว
ส่วนประตูของ Salah คงไม่ต้องบรรยายว่า เขาโดนรุมกินโต๊ะอยู่กี่คน ก่อนจะส่งบอลเข้าไปจมตาข่ายอย่างงดงาม
Firmino มีโอกาสยิงในเกมนี้ 3 ครั้ง ได้ 3 ประตู ครองบอลได้คิดเป็น 4.5% ของผู้เล่นทั้งสนาม ผ่านบอลสำเร็จ 73% เลี้ยงผ่านคู่แข่ง 2 ครั้ง โดย whoscored.com ให้คะแนนความสามารถเต็ม 10 คะแนน (เกมนี้ผู้เล่นลิเวอร์พูลทุกคนได้ครองบอลเยอะมากHenderson 10.5% ,Matip 10.4% ,van Dijk 9.4% ,Salah 4.7% โดยสถิติคือ ลิเวอร์พูลผ่านบอลมากถึง 840 ครั้ง ส่วนวัตฟอร์ดผ่านบอลทั้งเกมแค่ 270 ครั้ง)
เพราะ whoscored.com เป็นเว็บไซต์ที่ให้คะแนนความสามารถจากสถิติ จึงให้ Firmino เป็น Man of The Match แต่สำนักอื่นๆล้วนยกให้ Salah เป็น Man of The Match เพราะเขามีอิทธิพลต่อเกมและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในเกมมากกว่า
นี่เป็นเพียงแฮตทริกที่ 2 ของ Firmino ในชุดหงส์แดง เพราะเขาไม่ใช่นักเตะที่จะยิงได้หลายประตูในเกมเดียวบ่อยๆ และมันเกิดขึ้นในช่วงที่ Mo Salah กำลังร้อนแรงสุดๆ
ดูเหมือนว่า หากจะมองถึงอิทธิพลจากฟอร์มของ Mo Salah คงต้องมองให้ลึกลงไปมากกว่าสถิติส่วนตัวของเขา
– มารชรา –

• เรื่องน่าสนใจ •

สัมภาษณ์แรกของวาตารุ เอ็นโด ‘มันคือฝันที่เป็นจริงที่ผมได้เซ็นสัญญากับทีมลิเวอร์พูล’

วาตารุ เอ็นโด อธิบายว่าเขาบรรลุความทะเยอทะยานที่มีมาอย่างยาวนานอย่างไร...