เหรียญอีกด้าน ในตลาดซื้อขายนักเตะ

เหรียญอีกด้าน ในตลาดซื้อขายนักเตะ

ตลาดการซื้อขายฤดูร้อนปีนี้ปิดตัวลงไปแล้ว บรรดาทีมใหญ่ต่างพากันเสริมทัพกันอย่างต่อเนื่อง
ทว่าลิเวอร์พูลถือเป็นหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์ที่เสริมทัพรอบนี้น้อยที่สุด โดยได้ตัว อิบราฮิม โคนาเต้ ปราการหลังเลือดเฟรนซ์แมนวัย 22 ปี จาก RB Leipzig เท่านั้น
เรื่องนี้สร้างความหงุดหงิดใจให้กับบรรดาแฟนหงส์แดงอย่างมาก เพราะประสบการณ์ในปีก่อนที่ตัวหลักบาดเจ็บแล้วไม่ซื้อแก้ปัญหาทำให้ทีมหมดลุ้นแชมป์ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง
แต่เมื่อเหลือบมองดู Squad ในทีมลิเวอร์พูลในเวลานี้แล้ว อาจมีอีกด้านหนึ่งที่น่าคิดว่า เหตุผลที่ทีมซื้อขายและเจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจไม่ซื้อ นั้นใช่เรื่องปัญหาทางการเงินของสโมสรอย่างเดียวหรือเปล่า
ตำแหน่งผู้รักษาประตูนั้นไม่มีปัญหา เพราะ อลิสซง เบคเกอร์ครองมือหนึ่งยาวนานแน่นอน หากไม่บาดเจ็บเพราะโชว์ฟอร์มดีสม่ำเสมอมาตลอด ในขณะที่ตัวสำรองมือสองทั้ง ควีวิน เคลเลเฮอร์ ก็ไม่ธรรมดา หากเจ็บอีกก็จะหลุดไปถึง มือสามอาเดรียน และ มือสุดท้ายคือ ลอริส คาริอุส ซึ่งคงหมดอนาคตกับทีมแล้ว เพียงแต่รอให้หมดสัญญาเท่านั้น เท่ากับว่ามีผู้รักษาประตูอยู่ 4 คน
ในส่วนของกองหลังที่เคยเป็นปัญหาหนักปีที่แล้ว ได้ตัวหลักเซ็นเตอร์อย่าง เฟอร์จิล ฟานไดจ์ กลับมายืนหนึ่ง มีคู่หูคือ โจเอล มาติป โดยมี อิบรมฮิม โคนาเต้ แนท ฟิลลิป และโจ โกเมซ คอยสอดแทรกทดแทนได้ เท่ากับว่า ทีมมีเซนเตอร์ใช้งานหลัก 5 คน
แบ็คขวา มีตัวยืนอย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ โดยมี เนโก วิลเลียม ที่พอสอดแทรกได้ หรือ บางครั้งคล็อปป์ก็แก้ปัญหาด้วยการเอาเจมส์ มิลเนอร์มายืน ซึ่งหากไม่โชคร้ายบาดเจ็บยาว เทรนท์ก็น่าจะยึดตำแหน่งนี้ไว้ยาวนาน
แบ็คซ้าย แอนดี้ โรเบิร์ตสัน มนุษย์คนเหล็กกลับมาประจำการ ในขณะที่มีอีกคนคอยกดดันตำแหน่งอย่าง คอสตาส ซิมิกาส ซึ่งคล็อปป์เคยเปรยไว้ว่า ทั้งสองไม่ใช่คู่แข่งกัน แต่จะเป็นการเสริมกันและกันมากกว่า ในเกมสองนัดแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะเกมกับเบริ์นลีย์ ซิมิกาส ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เขามีดีพอที่จะสอดแทรกตำแหน่งได้ ตำแหน่งนี้จึงมีทดแทนกันได้ 2 คน
ในขณะที่กองกลางของทีมนั้นอัดแน่นมาก ทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่เชี่ยวชาญการเล่นแบบ box to box
ตัวรับที่เหนียวแน่นอย่าง ฟาบินโญ ตัวรุกเชิงสูงอย่าง ติอาโก้ อัลคันทาร่า ตัวที่หายเจ็บกลับอย่างสมบูรณ์แล้วอย่าง นาบี เกอิต้า ดาวรุ่งอย่าง เคอร์ติส โจน และตัวสอดแทรก ทั้งเจมส์ มิลเนอร์ และ อเล็กซ์ ออกเหลด เชมเบอร์เลน ซึ่งพอนับรวมกองกลางที่มีถึง 7 คน
เท่ากับว่า ในหนึ่งเกม ต้องมีคนนั่งถึง 4 คน หรือไม่ก็ 3 คน ขึ้นอยู่กับว่า คล็อปป์จะใช้แผนไหนเล่น (ยังไม่นับดาวรุ่งที่อาจขึ้นมาเพิ่มอย่าง ไคด์ กอร์ดอนวัย 16 ปีอีกคนหนึ่งที่ถูกจับตามองอย่างมาก)
ในส่วนของกองหน้าที่ถกเถียงมากที่สุด เมื่อดู Deep Squad จะเห็นว่า Forword ที่มี ก็คือ โม ซาลาห์ ซาดิโอ มาเน่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ดิโอโก้ โชต้า เพียงแค่ 4 คนนี้ที่ยืนพื้นตำแหน่งกันมาตลอด ขึ้นอยู่กับแผนการเล่น
และยังมี ฮาร์วีย์ เอลเลียต ที่พุ่งขึ้นมาจากดาวรุ่ง โดยมี ทาคุมิ มินามิโนะ และ ดิว็อก โอริกี้ คอยซัพพอร์ทอีกสองคน
เมื่อฟีร์มิโน่ มีอาการบาดเจ็บที่ยังไม่ระบุอาการและเวลาหายชัดเจน กองหน้าที่มี ก็มีถึง 7 คน ปัญหาการลงสนามของผู้เล่นจึงคล้ายกับกองกลางก็ไม่ผิดนัก
เมื่อลองชำแหละตำแหน่งต่อตำแหน่งแล้ว ตำแหน่งแบ็คขวา ของ TAA นั่นต่างหากที่อาจดูเปราะบางกว่าตำแหน่งอื่น เพราะมีมืออาชีพที่สำรองแทนได้เพียงตัวเดียว
เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยกล่าวกับสื่ออย่าง BILD เขาโดนถามคำถามสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายในปีนี้ และถามว่าเขาควรซื้อหรือไม่ คล็อปป์ให้ทรรศนะที่น่าสนใจว่า
“You can only play with eleven per game. It’s not about who has the eleven best or most spectacular player on the pitch, but who makes the best of what they have to together”
“คุณสามารถเล่นฟุตบอลได้เพียง 11 คนต่อเกม ซึ่งมันไม่ได้ถึง 11 คนที่ดีที่สุด หรือ มีนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสนาม แต่คือ 11 คนที่ทำงานร่วมกันได้ดีที่สุดต่างหาก
คุณลองนึกภาพชื่อทีม PSG เจอกับ แบร็ตส์ (ทีมเล็กๆ ทีมหนึ่งในลีกเอิง ฝรั่งเศส) พอได้ยินชื่อ PSG คุณอาจต้องคิดว่าเขาจะถล่มกัน 8-0 แต่ผลการแข่งขันที่ออกมาคือ 4-2 นั่นล่ะคือเสน่ห์ของกีฬาฟุตบอลที่ผมชอบที่สุด
แม้จะพอคาดเดาบางอย่างได้ แต่ไม่มีใครรู้จริงๆ หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
ถ้าหากทีมของคุณมีผู้เล่นสัก 40 คน นั่นแปลว่าจะต้องมี 29 คนที่ต้องนั่งดูเพื่อนเล่นและอาจต้องมีคนอารมณ์ไม่ดีกันทุกสัปดาห์กันเป็นสิบคน
นั่นคงไม่ใช่เรื่องที่มีสาระเป็นแน่และผมคงไม่ทำทีมในแนวทางนั้น”
แน่นอนว่าคล็อปป์เป็นคนมีแนวความคิดในการทำทีมอย่างนี้มาตั้งแต่ต้น เขาไม่ได้พูดเพื่อแซะทีมอื่นเลย และคำพูดของเขาพูดเอาไว้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2021 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการย้ายทีมของซุปเปอร์สตาร์หลายคน รวมถึง คริสติอาโน โรนัลโด้ ด้วย
เมื่อพิจารณาในอีกแง่หนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุผลทางด้านธุรกิจ แน่นอนว่าทุกๆ ทีมประสบปัญหาที่เกิดขึ้นกับโควิด 19 เหมือนกัน แต่ทว่าแต่ละทีมนั้นมีพื้นฐานและปัจจัยต่างๆ รายล้อมไม่เหมือนกัน
หากอ้างความจริงในแง่ตัวเลขบัญชีที่เคยรายงานไปแล้วว่า หงส์แดงอาจขาดทุนรวมถึง 123 ล้านปอนด์
การแก้เกมโดยรวมของ ทีมที่มีพื้นฐานจาก “นักธุรกิจกีฬา” ซึ่งจำเป็นต้องมีกำไรเข้ามา เพื่อหล่อเลี้ยงทุกอย่างให้เดินหน้า ไม่มีเงินถังแบบทีมเจ้าสัว จึงจำเป็นต้อง “ชะลอการจ่ายเงินก้อน”
ถ้าหากทำได้อีกทั้งเมื่อฤดูกาลนี้แฟนบอลสามารถกลับเข้าสนามได้แบบเต็มความจุ ปัญหาทางการเงินที่เคยมีก็จะบรรเทาไปได้มากขึ้น คนดูเต็มสนามย่อมหมายถึงรายได้ที่เกิดขึ้นทุกช่องทาง
และในเมื่อผู้จัดการทีมมองว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อเข้ามาแล้ว ก็จึงมีเหตุผลมากพอที่รอบนี้ มีการซื้อเพิ่มเข้ามาแค่ตัวเดียว
ระยะเวลา 4 เดือนเต็มในครึ่งฤดูกาลนี้ จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่า จอห์น เฮนรี่ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ และ เจอร์เกน คล็อปป์ ตัดสินใจถูกหรือผิด ก็อยู่ที่ การบริหารจัดการทีมในวันแมทช์เดย์ เริ่มตั้งแต่ 12 กันยายนนี้ เป็นต้นไป ผลงานในสนามจะพิสูจน์และบอกทุกอย่าง
หากมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับตำแหน่งที่หลายคนเป็นห่วงคือ กองหน้าบาดเจ็บหรือไม่มีตัวทดแทนที่ดีพอ อย่าลืมว่าในอดีตเราเคยมีดีลสำคัญในฤดูกาล 2010-11 ที่ เคนนี่ ดัลกลิชสามารถปิดดีลคว้า หลุยส์ ซัวเรส ในตลาดหน้าหนาวมาได้
นั่นก็หมายถึง เราก็ยังมีตลาดหน้าหนาวให้เตรียมปรับทีมสู้อีกได้ครั้ง
แต่หากยังไม่มีใครบาดเจ็บ สุดท้ายก็ต้องวัดกึ๋นกุนซือแล้วว่า คล็อปป์จะบริหารจัดการทีมอย่างไรให้ไปรอดได้แบบตลอดรอดฝั่ง
อ้างอิงจาก – Neil Jones Liverpool Correspondent และ Bild
-Tom wriner –

• เรื่องน่าสนใจ •

สัมภาษณ์แรกของวาตารุ เอ็นโด ‘มันคือฝันที่เป็นจริงที่ผมได้เซ็นสัญญากับทีมลิเวอร์พูล’

วาตารุ เอ็นโด อธิบายว่าเขาบรรลุความทะเยอทะยานที่มีมาอย่างยาวนานอย่างไร...