และนี่คือสิ่งที่เรียนรู้จากการมาเยี่ยมชมแอกซ่า เทรนนิง เซนเตอร์ สตูดิโอของเจ้าของเสื้อเบอร์ 19…

ความบ้าคลั่งของเขาในคาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศ

เอลเลียตต์ยิงได้ในคาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศปี 2022 ซึ่งยิ่งน่าประทับใจกว่าจากที่เขาไม่มีชื่อในวันแข่งตอนแรก แต่กลับมามีชื่อบนม้านั่งสำรอง หลังจาก ติอาโก้ อัลกันทาราได้บาดเจ็บก่อนเกม และได้ลงเล่นท้ายครึ่งหลัง และยิงจุดโทษในระหว่างดวลจุดโทษเข้าไป และนี่คือการบรรยายถึงเกมชิงชนะเลิศถ้วยเมเจอร์ครั้งแรกของเขา

เขากล่าวว่า “ผมหัวเสีย ผมหงุดหงิดตัวเอง เพราะชัดเจนว่าผมทำได้ไม่ดีพอที่จะได้อยู้ในทีม ผมเริ่มจะชินนิดหน่อย ผมเป็นแบบ ‘เอาเลย ผมจะทำอย่างที่เคยทำมาตลอด แค่สนับสนุนทีมในฐานะแฟนบอล”

“ติอาโก้ได้รับบาดเจ็บระหว่างอบอุ่นร่างกาย และผมได้เห็นเขาเดินเข้าไปในอุโมงค์ ผมคิดว่า ‘เขาจะไปไหน?’ แค่เป็นห่วงเขา”

“ผมยังคงยืนอยู่กับเด็กคนอื่นๆ ที่ไม่มีชื่อในทีม พนักงานรักษาความปลอดภัยวิ่งเข้ามาหาผม และพูดประมาณว่า ‘ฮาร์วีย์, ฮาร์วีย์, นายต้องเข้าไปในอุโมงค์ตอนนี้”

“ผมคิดขึ้นมาทันทีว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวของผม หรือบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้าน และผมคิดว่า ‘โอ้ ไม่นะ วันนี้กำลังเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ’ นั่นคือประมาณ 10 วินาทีนั้นนับจากตอนเดินจากอัฒจันทร์ลงมาที่อุโมงค์น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผม เมื่อกำลังคิดว่า ‘เกิดอะไรขึ้น? อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป?’ “

“เป็บ (ไลจ์นเดอร์ส) เข้ามาหาผม หรือบิตอร์ (มาตูส) และพูดว่า ‘นายได้อยู่ในทีม’ นอกจากจะทำให้ผมโล่งอกแล้ว แต่ผมก็หงุดหงิดเช่นกัน เพราะผมเป็นแบบ ‘ผมต้องทำงานหนักมากกว่าจะคิดว่าอะไรเกิดขึ้น’ “

“มันก็แสดงให้เห็นว่าฟุตบอลสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วแค่ไหน”

โม ซาลาห์: ตัวมอนิเตอร์ขนมปัง

เอลเลียตต์ยังให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสนับสนุน และคำแนะนำที่เขาได้จากที่ปรึกษาคนสนิทอย่างโมฮามเหม็ด ซาลาห์

“เขาสนใจคุณอยู่เสมอ ในทางที่ดี แบบที่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่เขามี” เอลเลียตต์กล่าวถึงเจ้าของเสื้อเบอร์ 11 “เราไปออสเตรีย และเป็นมื้อเช้า หรือมื้อเย็น และผมมีขนมปังม้วนสองก้อน เหมือนที่ผมชอบกินทุกมื้อ เพราะว่ามันเป็นหนึ่งในชของโปรดของผม”

“เขาเข้ามาหาผม และพูดแบบ ‘ไม่, ไม่, ไม่ วางมันกลับไป นี่เอาแบบสีน้ำตาล”

“ผมคิดแบบ ‘ว้าว เขาสแกนดูสิ่งที่ผมพยายามจะกิน หรือกำลังกิน และช่วยผมเลือก’ นี่แค่หนึ่งในร้อยพันเรื่องราว”

“แน่นอนว่ามันไม่ใช่ทั้งหมดเป็นเพราะเขา แต่(เขา)มีส่วนช่วยอย่างมากให้ผมมาอยู่ในจุดนี้ สำหรับผมไม่มีใครน่ายกย่องไปกว่าโมแล้ว”

เปิดใจ: เพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลที่พึ่งพาได้มากที่สุด

ถ้ารถของคุณยางแบนบนถนนแล้ว ใครที่คุณจะโทรหาเป็นคนแรก?

คำตอบในใจของเอลเลียตต์นั้นง่ายมาก

เขาตอบว่า “ผมจะตอบว่าโจ โกเมซ ก็เพราะผมไม่รู้สึกว่าเขาจะเฉ่งผม”

“เขาเป็นคนที่น่ารักมากที่จะเป็นแบบ ‘โอเค ผมจะไปหาคุณ ผมไม่ชัวร์ว่าผมจะช่วยได้…’ ผมแค่รู้สึกว่าเขาน่าจะมาหาได้ 95 เปอร์เซ็นต์ และพยายามจะช่วยผมออกไป หรืออย่างน้อยก็มาหา”

“ในขณะที่คนอื่นๆ อาจจะหัวเราะ และวางสาย และทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว”

การถูกปฏิเสธที่ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่เขาเป็น

ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า บางครั้งคุณต้องก้าวถอยหลังก่อน ซึ่งเอลเลียตต์คิดว่าความฝันของเขาในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพสิ้นสุดลง เมื่อเขาถูกปฏิเสธจากเชลซีในระดับเยาวชน

“พูดตรงๆ คือ เพราะว่าผมตัวเล็กเกินไป” เขายืนยัน “ผมจำได้พ่อพูดกับผมในส่วนของเทคนิคพวกเขาพูดว่าผมเป็นหนึ่งในคนที่ดีที่สุดในกลุ่ม แต่ผมก็แค่ตัวเล็กเกินไป”

“ผมไม่คิดว่าผมรู้สึกว่าอะไรอย่างนี้ในชีวิต หรือในอาชีพของผมจนถึงเวลานี้ในแง่ว่าผมรู้สึกยังไงหลังจากพวกเขาพูดเรื่องนี้”

“การเป็นเด็กน้อยอย่างนัน้ และรู้ว่าคุณจะไม่ได้โอกาสลงเล่น หรือเซ็นสัญญา ผมคิดว่า ‘โอเค ผมจบแล้ว ผมจะไม่ได้ก้าวต่อไปในอาชีพนักฟุตบอล’ ผมเคารพการตัดสินใจของพวกเขา

“ผมคิดว่าผมได้เล่นลีกวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์กับเพื่อนของผมนิดหน่อยเพื่อความสนุกสนาน และความคลั่งไคล้ในเกมฟุตบอลอีกครั้ง หลังจากนั้นผมลองไปที่ฟูแลม”

ที่ฟูแลม เอลเลียตต์ได้ส่องประกาย และได้ประเดิมทีมชุดใหญ่ในวัน 15 ปี 174 เดือน ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลในปี 2019