วัดขนาดและเป้าหมายของ PIF ฟุตบอลคือเป้าหมายจริงหรือ ?

วัดขนาดและเป้าหมายของ PIF ฟุตบอลคือเป้าหมายจริงหรือ ?

PIF หรือ Public Investment Fund เป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีเป้าหมายในการนำเงินไปลงทุนเพิ่มศักยภาพให้ประเทศในทุก ๆ ด้าน

ปัจจุบัน PIF มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มีขนาดเป็นอันดับ 9 ในบรรดากองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ
โดยอันดับ 1 และ 2 เป็นของนอร์เวย์และจีน
ในช่วงแรกของการก่อตั้งในปี 1971 ถือหุ้นและลงทุนในบริษัทที่เป็นเสาหลักของประเทศ
จุดเปลี่ยนสำคัญ คือในปี 2015 เมื่อเจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน บินอับดุลลาซิซ มกุฎราชกุมาร และประธานของ PIF ได้ปรับโครงสร้างกลยุทธ์และกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้ PIF สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ปัจจุบัน PIF มีบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมา 35 บริษัท ใน 13 อุตสาหกรรม
โดยลงทุนในกองทุนที่ฝรั่งเศส รัสเซีย และบริษัทเอกชนดัง ๆ ได้แก่
Posco Engineering & Construction ของเกาหลีใต้
French firms ของฝรั่งเศส
Ubers
SoftBank Group
WeWork and Uber Technologies Inc.
Saudi Aramco (บริษัทนี้คือ บริษัทใหญ่ระดับ เพชรยอดมงกุฎของซาอุดิอารเบีย เลยก็ว่าได้)
PIF ยังเข้าไปร่วมงานกับ General Electric, Lockheed Martin, and The Blackstone Group
Boeing
Facebook
Citigroup
Jio Platforms บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของอินเดีย
และบริษัทที่ PIF เข้าไปมีส่วนด้วยที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดก็คือ
Disney company Group
โดยซาอุดีอาระเบียมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ “Vision2030” ที่วางแผนไว้ค่อนข้างละเอียด โดยมีเป้าหมาย 3 ด้าน คือ
1. An Ambitious Nation: การเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ และความรับ
ผิดชอบต่อสังคม
2. Thriving Economy: สร้างระบบการศึกษาที่รองรับงานในอนาคต และเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจทุกระดับ
3. Vibrant Society: พัฒนาศาสนาอิสลามและอัตลักษณ์ของประเทศ เพื่อชีวิตที่มีคุณภาพ
ในแต่ละด้านก็มีเป้าหมายย่อยลงไปอีกหลายชั้น
รวมแล้วทั้งหมดมี 96 เรื่องที่พวกเขาต้องบรรลุให้ได้ในอีก 9 ปีข้างหน้า
ซาอุดีอาระเบียยังมีโครงการใหญ่ระดับ GIGA PROJECTS ที่กำลังดำเนินการอยู่
1. การท่องเที่ยวหรู
2. เมืองหลวงแห่งความบันเทิงและกีฬา (อันนี้เริ่มอย่างจริงจังแล้ว และกำลังปรับข้อกฎหมายบางอย่างออก เพราะไม่ต้องการให้ขัดกับหลักศาสนาอิสลาม)
3. นวัตกรรมสำหรับโลกใหม่
4. การสร้างชุมชนและอสังหาริมทรัพย์
ลองเทียบธุรกิจกีฬา กับ Giga Projects ทั้ง 4 ที่ PIF วางโครงงานเอาไว้เรียกได้ว่า การลงทุนในสโมสรฟุตบอล ดูเป็นการลงทุนระดับธรรมดาไปเลย เพราะธุรกิจนี้ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากนัก ไม่ได้มีนวัตกรรมอะไรใหม่
แต่สิ่งที่ PIF จะได้อย่างยิ่งก็คือการปรากฏตัวบนสื่อและการถูกกล่าวถึงจนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
เพราะว่า กีฬาฟุตบอลถือเป็นกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก
ทุกวันนี้ทั่วโลกมีแฟนฟุตบอลติดตามการแข่งขันทุกรายการ ประมาณ 3.5 พันล้านคน โดยเฉพาะ 4 บอลลีกใหญ่ในยุโรป
และลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกก็คือ พรีเมียร์ลีกของอังกฤษ
แค่ PIF เริ่มสนใจจะซื้อสโมสรในพรีเมียร์ลีกในช่วง 1-2 ปีก่อน พวกเขาก็เป็นข่าวไปทั่ว
ในวันนี้ที่พวกเขาเทกโอเวอร์ Newcastle United สำเร็จ สปอตไลท์ของคนเกือบครึ่งโลกก็พุ่งมาที่ PIF ทันที
แล้วทำไมกฎ FFP น่าจะทำอะไร PIF และ นิวคาสเซิลไม่ได้
หลักการของ FFP คือ เจ้าของสโมสรห้ามควักเงินส่วนตัว ไปโปะให้ทีมไปซื้อนักเตะ ต้องเอาเงินจากกำไรเท่านั้นไปซื้อนักเตะได้ ป้องกันการทุ่มซื้อจากเงินเจ้าของทีมต่างๆ ที่มีความร่ำรวยแตกต่างกัน
ทว่า รายได้ส่วนกำไร ของสโมสรมาได้มาจากหลายทางทั้ง ค่าสปอนเซอร์ (ที่ปัจจุบันนิยมเดินหน้าเซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กันแหลกหลาญ) แบ่งเป็น
1.สปอนเซอร์ที่หน้าอกที่ชุดแข่ง
2.สปอนเซอร์ที่อาร์มของชุดแข่ง
3. สปอนเซอร์ชุดฝึกซ้อม
4. สปอนเซอร์ชื่อสนามแข่ง (แต่สโมสรส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมเปลี่ยนชื่อสนามเป็นชื่อสปอนเซอร์)
ซึ่ง Sport Direct เคยทำสัญญากับนิวคาสเซิล แต่แฟนบอลไม่ยอมให้เปลียนชื่อ St James Park เป็น Sport Direct Arena
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากค่าบัตรเข้าชม ค่าของที่ระลึก อีกมาก
อาจมีถึงค่าภาพลักษณ์ที่ดีของสโมสร เป็นเงินกินเปล่าอีกต่างหากถ้ากล้าทำสัญญา
จากรายชื่อที่ PIF เข้าไปมีหุ้นส่วนอยู่ บริษัทสามารถให้แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งที่ตัวเองถือหุ้นอยู่ เข้าเป็นสปอนเซอร์ของสโมสรแล้วจ่ายเงินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็หมดปัญหาแล้ว
งานนี้ไม่ใช่เงินที่มีจากกระเป๋าซ้าย ย้ายไปกระเป๋าขวา แต่ “PIF มีกระเป๋ารอบตัวทั่วโลก” และดำเนินการต่างๆ ได้อย่างแยบยลโดยไม่ผิดกฎหมายใดๆ ได้
เรียกได้ว่านิวคาสเซิลไม่ได้ตกถังข้าวสาร
แต่ ตกบ่อน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
PIF ยังมีข่าวแว่วออกมาว่าจะไปซื้ออินเตอร์มิลานอีกทีมหนึ่งในราคาสูงถึง 1000 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตามราคานี้ หากพิจารณาให้มากขึ้น ดูจะห่างจากราคาของนิวคาสเซิลมากเกินไป ถ้าเป็นนักธุรกิจที่รวยระดับหนึ่งแล้ว คงข้ามเรื่อง inter milan ไปแน่ เพราะว่ามูลค่าขนาดนี้ไม่น่าใช่ราคาจริง
แต่ในเมื่อเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับ PIF การจะซื้ออินเตอร์มิลานอีกทีมจึงไม่ได้ยากที่เงิน
แต่อยู่ที่ว่าข่าวที่ออกมานั้นออกมาเพียงเพื่อผลักดันให้ PIF เร่งซื้อ นิวคาสเซิลเท่านั้นเร็วๆ มากกว่า
ซึ่งหาก PIF ซื้ออินเตอร์ไปอีกทีมจริงตามข่าว จะมีสโมสรที่ร่ำรวยรายใหม่เกิดขึ้นทันที และความห่างชั้นกันของทีมในกัลโช่ก็จะยิ่งแตกต่างกันมากขึ้น
ดังนั้นหากพิจารณาเป้าหมายของ PIF จริงๆ น่าจะเป็น Spotlight และ การออกสื่อบ่อยๆ เพื่อให้บรรลุภารกิจแห่งชาติซาอุดิอาระเบียให้สำเร็จเร็วขึ้นมากกว่า
ฉะนั้นและฉะนี้
กรุณาจับตามองการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของนิวคาสเซิลให้ดี
เพราะจะมีอดีตเด็กเก่าจากหลายทีม รวมถึงของลิเวอร์พูลด้วย และเด็กใหม่ ที่ค่าตัวแพงกระฉุดขึ้นมาแบบเหลือเชื่อเกิดขึ้นได้อีกในตลาดหน้าหนาวนี้ พากันตบเท้าเข้าสู่รังเซนต์เจมปาร์ค กันมากหน้าหลายตาทีเดียว
tom wriner

• เรื่องน่าสนใจ •

สัมภาษณ์แรกของวาตารุ เอ็นโด ‘มันคือฝันที่เป็นจริงที่ผมได้เซ็นสัญญากับทีมลิเวอร์พูล’

วาตารุ เอ็นโด อธิบายว่าเขาบรรลุความทะเยอทะยานที่มีมาอย่างยาวนานอย่างไร...