ผมยอมรับเลย มันเจ็บแสบมากในฐานะนักเตะตอนที่ฟุตบอลโลกเริ่มต้นขึ้น และคุณไม่ได้อยู่ที่นั่น

ผมเคยเป็นส่วนหนึ่งในระบบของทีมชาติบราซิลจากระดับยู-15 จนถึงโอลิมปิกส์ การลงเล่นในมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคือก้าวต่อไป และความฝันในวัยเด็กของผม ผมเกือบที่จะเติมเต็มความทะเยอทะยานนั้นได้ แต่การบาดเจ็บมาขวางเอาไว้ถึงสองครั้ง

ผมถูกเรียกตัวจากคาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่าเพื่อลงเล่นคอนเฟเดอเรชันส์ คัพในปี 2003 แต่ผมไปไม่ได้เนื่องจากปัญหาที่กระดูกอ่อนที่หัวเข่า ผมต้องเข้าผ่าตัดสองครั้ง และมันใช้เวลาประมาณ 18 เดือนที่จะกลับมาจากมัน

อีกครั้งเป็นช่วงที่กำลังจะเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2010 ในแอฟริกาใต้ บราซิลลงเล่นเกมอุ่นเครื่องกับโอมาน และอังกฤษ และผมรู้สึกว่ามีตำแหน่งแบ็กซ้ายในทีมให้คว้าไว

ผมถูกเรียกตัว แต่ผมตกใจมากที่ไม่สามารถลงเล่นเกมเหล่านี้ได้ ผมมีการบาดเจ็บที่นั่องที่ทำให้ผมต้องพักสองสัปดาห์ ระหว่างสองสัปดาห์ที่ผมควรจะได้อยู่กับทีมเซเลเซา

ผมผิดหวังอย่างที่สุด ผมรู้ว่าด้วยวัยของผม มันเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะเติมเต็มเป้าหมายนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากจริงๆ ถ้าพูดตามตรง

ด้วยความสัตย์จริง แม้แต่ตอนนี้ผมยังคงคิดถึงว่ามันจะเป็นยังไงถ้าผมเคยเล่นฟุตบอลโลก ผมผ่านมันไปแล้วในตอนนี้ และรู้ว่าผมทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อจะคว้าโอกาสนั้น

แต่ผมรู้ว่าเป็นยังไงกับนักเตะลิเวอร์พูลที่ไม่อยู่ในกาตาร์ อย่างเช่นโมฮาเหม็ด  ซาลาห์, ลุยส์ ดิอาซ, โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่, แอนดี โรเบิร์ตสัน และคนอื่นๆ จะรู้สึกยังไง ความเป็นนักสู้ที่พวกเขาเป็น ผมจินตนาการได้ว่าพวกเขาจะพบว่ามันยากมากที่จะดู

คุณเล่นให้กับสโมสรที่ใหญ่อย่างนี้ และหลังจากนั้นคุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรายการแข่งขันฟุตบอลที่สำคัญที่สุดในโลก  มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างน้อยต้องบอกอย่างนั้น

แต่คุณต้องรับมือกับความผิดหวังเหล่านี้ คุณต้องใช้มันเป็นบางอย่างที่จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น

การไม่ได้ลงเล่น แน่นอนว่าจะเพิ่มแรงจูงใจมากขึ้น แม้ว่ามันจะเป็นความเจ็บปวดอย่างมากในเวลานี้ มองในแง่ดี นักเตะเหล่านี้จะได้พัก และมุ่งมั่นที่จะกลับมาลงสนาม และแข่งขันเพื่อถ้วยรางวัลใบอื่นๆ

แค้มป์ฝึกซ้อมในดูไบอาจจะเป็นส่วนสำคัญของฤดูกาลที่เหลือ

นักเตะหงส์แดงที่ไม่ได้ลงเล่นในกาตาร์จะไม่ได้อยู่ห่างไกลออกไปนับตั้งแต่สัปดาห์หน้า

ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์จะเดินทางไปดูไบเพื่อเข้าแค้มป์ในสภาพอากาศที่อบอุ่น ในระหว่างที่พวกเขาจะลงเล่นเกมอุ่นเครื่องกับโอลิมปิก ลียง และเอซี มิลาน

สโมสรในยุโรปน่าจะไม่คุ้นเคยที่ได้พักเบรกในระหว่างฤดูกาล  แต่ผมคิดว่ามันจะช่วยเหลือบางทีมได้

ผมจำได้ตอนที่ผมมีช่วงแค้มป์กลางฤดูกาลที่ขยายออกไปตอนที่ผมกลับไปอยู่กับเกรมิโอในบราซิล มันเป็นระหว่างคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ในปี 2013 เราไม่ต้องไปไหนต่อ แต่ผมพบว่ามันเป็นประโยชน์จริงๆ

ผมเพิ่งกลับมาจากการบาดเจ็บเอซีแอล และลงเล่นมาแค่สองสามเกม มันเป็นเวลาที่ดีในการทำอะไรบางอย่างเช่น ‘พรีซีซั่น’ เล็กๆ ก่อนที่เกมลีกจะกลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง

และบวกกับการหนีไปจากอากาศหนาวในอังกฤษในช่วงต้นฤดูกาลหน้าเป็นเรื่องที่ดีเสมอ! สภาพอากาศที่อบอุ่นสาารถช่วยสภาพร่างกายนักเตะให้ดีด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่ามันไม่ง่ายที่จะซ้อมในส่วนของแท็กติกกับนักเตะบางคนที่ไม่ได้กลับมาจากฟุตบอลโลก แต่มันเป็นเวลาที่ดีที่จะเตรียมตัวนักเตะที่ไม่ได้ลงเล่น ได้สะสมกำลังขากับแผนการเล่น

มันเป็นสถานการณ์ใหม่สำหรับสโมสร ผมเชื่อว่าช่วงเบรกสามารถมีส่วนสำคัญสำหรับฤดูกาลที่รอให้ทีมใช้ประโยชน์จากมันให้มากที่สุด

หวังว่าจะเป็นลิเวอร์พูล ที่จะมีงานหนักในการเจอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในคาราบาว คัพ ในวันที่ 22 ธันวาคมในเกมแรกหลังจากกลับมา

ตอบจดหมาย

เอ็นดา : คุณพบว่ามันเป็นอย่างไรหลังจากเลิกเล่นฟุตบอล?

ชีวิตแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ แต่ผมกำลังทำได้ดี ผมยังมีส่วนในวงการฟุตบอล ทำงานในบริษัทเอเจนซีในบราซิล ผมพยายามจะช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะอายุน้อยๆ ด้วยประสบการณ์ที่ผมมีในระหว่างอาชีพของผม มันยอดยเย่มมากตอนที่ผมมีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของเกมตำนานสโมสรลิเวอร์พูลผ่านมูลนิธิ สโมสรลิเวอร์พูล และจำได้ว่ามันรู้สึกอย่างไรในการเป็นนักฟุตบอลอีกครั้ง

นิค : เมื่อย้อนมองกลับไป คุณจะทำอะไรแตกต่างออกไปในระหว่างอาชีพของคุณกับลิเวอร์พูล?

สวัสดีนิค ขอบคุณสำหรับคำถามของคุณ ผมคิดว่าไม่มี ผมหวังว่าผมจะมีความรู้ของตัวเองเท่ากับที่ผมมีในตอนนี้ แต่ส่วนหนึ่งของความรู้เหล่านี้จำเป็นต้องได้รับผ่านการรับรู้ในช่วงเวลานั้น ผมรุ้สึกว่าผมทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ดีที่สุดในระหว่างช่วงเวลาของผมกับลิเวอร์พูล ผมคิดว่าความปรารถนาของมนุษย์ทุกคนคืออยากย้อนกลับไปในวัยหนุ่มด้วยประสบการณ์ที่คุณมีในวัยที่มากขึ้น

ขอบคุณมากที่อ่าน

จนกว่าจะพบกันใหม่ครั้งต่อไป

ฟาบิโอ

ออเรลิโอพูดคุยผ่านเกล็น ไพรซ์ จาก Liverpoolfc.com