มิลเนอร์ย้ายมาอยู่กับสโมสรในช่วงซัมเมอร์ของปี 2015 และลงสนามหลังจากนั้น 332 เกม โดยทำไป 26 ประตู และชูถ้วยรางวัลเจ็ดใบตลอดเส้นทาง

การมีส่วนร่วมของเขาทั้งใน และนอกสนาม นำไม่สู้ความสำเร็จนับครั้งไม่ถ้วน

“หากไม่มีมิลลี่ มันคงจะไม่มีทางเป็นไปได้” เจอร์เก้น คล็อปป์เคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่ง เป็นคำกล่าวที่เสริมด้วยความจริงที่ว่ามีเพียงโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ที่ลงเล่นมากกว่ามิลเนอร์ภายใต้การคุมทีมของคล็อปป์

หลังจากย้ายจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มายังแอนฟิลด์แบบไม่มีค่าตัว เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองกัปตันทีมอย่างรวดเร็วภายใต้การคุมทีมของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส เนื่องจากทักษะความเป็นผู้นำ และตัวอย่างที่เขาวางไว้

ประตูแรกของเขากับสโมสรเกิดขึ้นในเกมชนะแอสตัน วิลลา 3-2 ในเดือนกันยายน 2015 ก่อนที่คล็อปป์จะเข้ามาคุมกุมบังเหียน และอาศัยอิทธิพลของมิลเนอร์ในการช่วยประยุกต์ใช้วิสัยทัศน์ของบอสใหม่มาใช้กับทีม

ความคืบหน้าแสดงออกมาตั้งแต่ต้นไปจนจบฤดูกาล 2015-16 ซึ่งมิลเนอร์ทำแอสซิสต์ให้เดยัน ลอฟเรนทำประตูชัยสุดดราม่าเหนือโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์กรุยทางสู่นัดชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก

มิลเนอร์เป็นที่พึ่งพาได้ เขาใช้เวลาเกือบตลอดฤดูกาลแรกในการคุมทีมแบบเต็มฤดูกาลของคล็อปป์ในฤดูกาล 2016-17 ที่น่าประทับใจในการเติมเต็มในตำแหน่งแบ็กซ้าย

เขาลงเล่น 40 เกมในฤดูกาลดังกล่าว โดย 36 เกมมาจากในพรีเมียร์ลีก ในขณะที่ลิเวอร์พูลผ่านไปเล่นแชมเปียนส์ลีกด้วยการจบในอันดับี่สี่

หงส์แดงกลับสู่รายการแข่งขันของสโมสรชั้นนำของยุโรปด้วยการไปจนสุดท้ายถึงนัดชิงชนะเลิศที่เคียฟในปี 2018 และมิลเนอร์ก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วย

เขาทำไปเก้าแอสซิสต์ตลอดเส้นทางในแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017-18 เป็นตัวเลขสูงที่สุดตลอดกาลในฤดูกาลเดียว

ท้ายที่สุดฤดูกาลดังกล่าวจบด้วยความผิดหวังหลังจากความพ่ายแพ้ต่อเรอัล มาดริ ดในยูเครน แต่มิลเนอร์ และเพื่อนร่วมทีมของเขาปลุกตัวเองเดินหน้าต่อไปอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามฤดูกาลที่เก็บได้ 97 แต้มไม่เพียงพอต่อการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สโมสรเป็นแชมป์ยูโรเปียน คัพ สมัยที่ 6 หลังจากค่ำคืนที่โดดเดงในดาดริด

มิลเนอร์ได้ชูหกนิ้วให้กับแฟนบอลลิเวอร์พูลภายในเอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน่ หลังจากเสียงนกหวีดยาวในเกมชนะท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-0 โดยได้ลงสนามเป็นตัวสำรองในครึ่งเวลาหลัง

“มันจะเป็นเรื่องที่ดีที่ได้เห็นเลข 6 ที่เมลวู้ด” เขาให้ความเห็น “ลิเวอร์พูลมีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ และตอนที่ผมเซ็นสัญญากับสโมสร ผมมุ่งมั่นจะเพิ่มถ้วยรางวัลให้สโมสรแห่งนี้ที่คาดหวังจะได้ถ้วยรางวัล และมันเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าอัศจรรย์ แต่เราอยากจะสร้างประวัติศาสตร์ของเรา”

นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำ

ถ้วยยูฟา ซูเปอร์ คัพ และฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ ถูกชูขึ้นมาหลังจากนั้น ก่อนที่สโมสรจะยุติการรอคอยแชมป์ลีก 30 ปีในฤดูกาล 2019-20

มิลเลอร์ลงเล่น 22 เกมในพรีเมียร์ลีก ในขณะที่ทีมยกระดับขึ้นไปอีกด้วยการสร้างสถิติใหม่ของสโมสรด้วยการเก็บ 99 แต้ม และเป็นอีกครั้งที่พวกเขาต้องเปลี่ยนตัวเลขในแชมเปียนส์ วอลล์

ฤดูกาล 2020-21 เป็นบททดสอบที่จบลงด้วยอันดับที่ 3 และมิลเนอร์กลายเป็นคนที่ 80 และอายุมากที่สุด ที่ลงเล่นถึง 250 เกมให้กับสโมสร

เขาเพิ่มสถิติลงสนามอีก 39 เกมในระหว่าง 63 เกมในฤดูกาลที่ 2021-22 ที่ทีมลุ้นแชมป์สี่รรายการ โดยช่วยเพิ่มเกียรติประวัติให้ลิเวอร์พูล ซึ่งเจ้าของเสื้อเบอร์ 7 ลงเล่นในคาราบาว คัพ และเอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ ที่เอาชนะเหนือเชลซีที่เวมบลีย์

มิลเนอร์อำลาแอนฟิลด์อย่างสะเทือนใจในตอนจบฤดูกาล 2022-23 ซึ่งเขาลงเล่น 43 เกม และขึ้นไปอยู่อันดับที่ 3 นักเตะที่ลงเล่นมากที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก

เขาอำลาทีมหลังลงเล่นให้หงส์แดงมากกว่าสโมสรอื่นๆ ตลอดเส้นทางในอาชีพของเขา

“ผมเป็นลีดส์มาตลอด และเป็นมาเสมอ และจะเป็นตลอดไป แต่ผมไม่เคยคิดว่าจะมีสโมสรอื่นๆ ที่เข้ามาในตัวผมมากเท่ากับที่ลิเวอร์พูลมี” มิลเนอร์กล่าว

ทุกคนในสโมสรลิเวอร์พูลอยากจะขอขอบคุณเจมส์สำหรับการช่วยเหลือของเขาตลอดแปดปีที่ผ่านมา และอวยพรให้เขาโชคดีในอนาคต