กองกลางรายนี้ย้ายมาเมอร์ซีย์ไซด์ก่อนฤดูกาล 2018-19 ซึ่งสโมสรตกลงทำสัญญากับไลป์ซิก ในการคว้าตัวเขาล่วงหน้าในซัมเมอร์ก่อนหน้าน้น

เขาลงเล่น 33 เกมในระหว่างฤดูกาลแรกกับหงส์แดงที่เก็บ 97 แต้มในลีก และได้รับบทสรุปด้วยการคว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ ด้วยการเอาชนะท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-0 ในกรุงมาดริด

น่าเสียดายที่เกอิต้าพลาดลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศที่เอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน่ หลังจากได้รับบาดเจ็บในเลกแรกของรอบรองชนะเลิศกับเอฟซี บาร์เซโลนาที่คัมป์นู

แต่นักเตะทีมชาติกินีเป็นตัวหลักหกเดือนต่อมาที่ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นลิเวอร์พูลชุดแรกที่คว้าแชมป์โลก

เกอิต้าทำประตูแรกในเกมกับมอนเตอร์เรย์ในชัยชนะรอบรองชนะเลิศฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ และหลังจากนั้นเขาลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ 100 นาทีที่หงส์แดงเอาชนะฟลาเมงโก้ ซึ่งต้องขอบคุณประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษของโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่

ต่อมาในฤดูกาลเดียวกัน เกอิต้าซัดประตูสำคัญในค่ำคืนที่ยากจะลืมเลือนที่แอนฟิลด์ ที่ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ได้เฉลิมฉลองการรอคอยถ้วยพรีเมียร์ลีกอันยาวนานด้วยชัยชนะเหนือเชลซี 5-3

อันที่จริงลูกยิงของเขาในเกมกับมอนเตอร์เรย์ และเชลซี เป็นตัวอย่างประตูของเกอิต้าที่แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาที่เขาชื่นชอบในการทำประตูในระหว่างช่วงเวลากับสโมสร ประตูที่สำคัญและ/หรือน่าตื่นตาตื่นใจ

คล็อปป์กล่าวก่อนเกมอำลาแอนฟิลด์ของเขาว่า “ย้อนกลับไป และดูเกมสำคัญๆ ประตูที่เขายิง เกมที่เขาลงเล่น และฟุตบอลที่เขาเล่นได้ในช่วงเวลาที่ดีของเขา”

ตัวอย่างเช่น เกอิต้าทำประตูแรกในเกมเมเจอร์ครั้งอื่น อย่างเช่นชัยชนะในเกมแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศเหนือเอฟซี ปอร์โต้ รวมถึงประตูเปิดท้ายรอบแบ่งกลุ่มในการเจอกับซัลซ์บวร์กอดีตสโมสรเก่าของเขา และชัยชนะประวัติศาสตร์ 5-0 ที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด

ลูกยิงในเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตามมาอย่างรวดเร็วหลังลูกวอลเลย์ทีเหนือชั้นกับคริสตัล พาเ,ว และแอตเลติโก้ มาดริด ระหว่างฤดูกาล 2021-22 ที่ในแง่การลงสนามเป็นฤดูกาลที่เขาลงเล่นให้กับลิเวอร์พูลมากที่สุด

เขาลงเล่น 40 เกมในทุกรายการให้กับหงส์แดงที่ลุ้นสี่แชมป์ที่ทีมพลาดไปอย่างหวุดหวิด

เกอิต้าลงเป็นตัวจริงในเกมคาราบาว คัพ และเอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ ที่เอาชนะเชลซีในการดวลจุดโทษทั้งสองรายการที่เวมบลีย์ และลงเป็นตัวำสรองในแชมเปียนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศที่แพ้ต่อเรอัล มาดริด

การบาดเจ็บจำกัดการลงสนามของเกอิต้าเหลือเพียง 13 นัดในฤดูกาลที่ห้าของเขา และเป็นฤดูกาลสุดท้ายกับลิเวอร์พูล แต่เขาทิ้งสถิติไว้ด้วยชัยชนะ 91 และแพ้แค่ 20 จาก 129 เกมของเขากับสโมสร คิดเป็นเปอร์เซนต์ชนะ 70.5 เปอร์เซ็นต์

ทุกคนที่สโมสรลิเวอร์พูลขอขอบคุณนาบีสำรหับการช่วยเลหือของเขาในช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในประวัติศาสตร์ของสโมสร และอวยพรให้เขาโชคดีในอนาคต