กระอัก ลิเวอร์พูลอาจขาดทุนสูงถึง 123 ล้านปอนด์ แต่อาจได้รายได้จากไนกี้มาช่วย 35 ล้าน

กระอัก ลิเวอร์พูลอาจขาดทุนสูงถึง 123 ล้านปอนด์ แต่อาจได้รายได้จากไนกี้มาช่วย 35 ล้าน

ลิเวอร์พูลประกาศผลประกอบการขาดทุนก่อนหักภาษีถึง 46 ล้านปอนด์เมื่อบัญชีของพวกเขาถูกเปิดเผยออกมาในเดือนเมษายน
โดยลิเวอร์พูลได้ยื่นบัญชีการเงินสิ้นสุดปีบัญชีเดือนพฤษภาคม 2020 แก่สำนักงานบัญชี Companies House ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งสโมสรได้รับคำเตือนว่ามีลางไม่ดีสำหรับปีต่อไป
ตัวเลขก่อนหักภาษีคือ 46 ล้านปอนด์ ซึ่งตรงกันข้ามกับ ผลกำไรก่อนหักภาษี 43 ล้านปอนด์ตอนที่ทีมคว้าแชมป์เปี้ยนส์ลีกเมื่อฤดูกาล 2018/19 โดยรายรับลดลงเหลือ 490 ล้านปอนด์จาก 533 ล้านปอนด์ในช่วง 12 เดือนก่อนหน้าการเกิดโรคระบาด
ลิเวอร์พูลน่าจะทราบขอบเขตของความเสียหายทางการเงินทั้งหมดในช่วงต้นปี 2022 เมื่อหงส์แดงยื่นเรื่องดังกล่าวกับ Companies House ไว้โดยที่สโมสรเองก็ไม่ได้แปลกใจกับตัวเลขดังกล่าวที่ขาดทุนมาก
เนื่องจากฤดูกาลที่ผ่านมาเกือบทั้งฤดูกาลไม่มีแฟนบอลเข้ามาชมในสนามเลย
ช่วงระยะเวลาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019 ถึง พฤษภาคม 2020 บันทึกสถิติการสูญเสียรายได้ที่ควรได้จากสื่อไว้ที่ 59 ล้านปอนด์ และเสียรายได้จากการแข่งขันในวันแมทช์เดย์อีก 13 ล้านปอนด์
ในแง่เปอร์เซ็นต์ รายได้จากสื่อลดลง 25.5% ส่วนรายรับในวันแข่งขันลดลง 15.5%
***เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การแข่งขันปลายฤดูกาลที่คว้าแชมป์ต้องถูกเลื่อนออกไปถึง 3 เดือน ส่งผลให้รายได้จากการถ่ายทอดสดหายไป มีการถอนสปอนเซอร์จำนวนมาก และเมื่อกลับมาแข่งขันได้แต่ละสโมสรต้องงดเว้นการจำหน่ายตั๋วเข้าชมฟุตบอลไปตลอดทั้งฤดูกาล
ความสูญเสียรายได้จากสื่อส่วนใหญ่มาจากการที่ต้องหยุดการแข่งขันพรีเมียร์ลีกและมีผลกระทบต่อตารางการถ่ายทอดสด โดยสโมสรในพรีเมียร์ลีกทุกสโมสรตกลงที่จะต้องคืนเงินจำนวนมากถึง 330 ล้านปอนด์ให้แก่ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
บีบีซี เผยว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบให้สโมสรต่าง ๆ ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020-21 เสียรายได้รวมกันถึง 700 ล้านปอนด์ (ราว 27,118 ล้านบาท)
ซึ่งนอกจากเงินคืนค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดแล้ว ยังรวมถึงรายได้ในวันแข่งขัน หรือ แมตช์เดย์ และรายได้เชิงพาณิชย์ของสโมสรที่มาจากการขายสินค้าและค่าตั๋วเข้าสนามด้วย
ลิเวอร์พูลนั้นต้องจ่ายเงินคืนจำนวนมากที่สุด “มากกว่าทุกทีม” สำหรับฤดูกาลที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นเงิน 17.3 ล้านปอนด์ตามตัวเลขที่ The Telegraph รายงาน (บางแห่งรายงานที่ 24.5 ล้านปอนด์) ซึ่งการคืนเงินต้องรอการตัดบัญชีเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลและอนุโลมให้จ่ายคืนได้ภายในสองปี
การที่สโมสรลิเวอร์พูลต้องจ่ายเงินเยอะที่สุดเป็นส่วนหนึ่งในสัญญาที่ยึดเอาอันดับในลีก เป็นที่ตั้งเพราะมีเรทติ้งการถ่ายทอดสดมากกว่าทีมอื่น
ส่วนทีมที่อันดับรั้งท้ายคือ นอริชจ่ายเพียง 7.1 ล้านปอนด์เท่านั้น โดยปีที่แล้วระบุว่าต้องเตะให้จบภายใน 6 สัปดาห์ คือภายใน 26 กรกฎาคม 2020 หากเลยเวลาดังกล่าว ทุกสโมสรต้องควักเพิ่มสัปดาห์ละ 30 ล้านปอนด์จนกว่าจะเตะจบ
เดลี เมล์รายงานว่า ต้นปีที่ผ่านมา เงินจำนวน 107 ล้านปอนด์ได้จ่ายคืนผู้ซื้อลิขสิทธิ์ในต่างประเทศไปแล้ว
ขณะที่ลิเวอร์พูลต้องจ่ายคืนอีกราว 8.2 ล้านปอนด์ จากจำนวนเงินรางวัลที่ได้มา 156.5 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่รวมเงินรางวัลและรายได้จากทีวี
ยังมีเงินต้องคืนอีก 3 ล้านปอนด์สำหรับผู้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดสำหรับเกมในยุโรป และ รายได้ของสโมสรลดลง 33 ล้านปอนด์ คิดเป็น 15% ของรายได้ทั้งปี
ตัวเลขที่ประเมินแสดงให้เห็นว่าลิเวอร์พูลอาจต้องขาดทุนรวมถึง 123 ล้านปอนด์ในปี 2020/21 ซึ่งเป็นปีที่คำนึงถึงขอบเขตของการระบาดใหญ่และการขาดกองเชียร์ในสนาม
นั่นทำให้ลิเวอร์พูลอยู่อันดับสามในเรื่องการสูญเสียรายได้ จากเหตุโรคระบาด ตามหลังแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (155 ล้านปอนด์) และท็อตแนมฮ็อทสเปอร์ (142 ล้านปอนด์)
โดยสเปอร์สได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขาดแฟน ๆ และไม่สามารถสร้างรายได้จากสนามแห่งใหม่ของพวกเขา
สโมสรอื่นๆ ที่คาดการณ์ว่าจะสูญเสียมากกว่า 100 ล้านปอนด์เมื่อมีการเปิดเผยบัญชีชุดล่าสุด ได้แก่ อาร์เซนอล (116 ล้านปอนด์) และแมนเชสเตอร์ซิตี้ (104 ล้านปอนด์) โดยยอดขาดทุนรวมทีมพรีเมียร์ลีกมากกว่า 1 พันล้านปอนด์
พรีเมียร์ลีกพยายามรับมือกับความสูญเสียทั้งหมดตลอดทั้งสองฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 1.5 พันล้านปอนด์ พวกเขาจะหวังว่าตอนนี้จะสามารถพลิกกลับมาได้ จากการอนุญาตให้แต่ละสโมสรต้อนรับแฟนบอลกลับมาเต็มสนามอีกครั้ง
โดยรักษาข้อตกลงการถ่ายทอดสดและเห็นถึงความสำคัญเรื่องสิทธิ์ในการถ่ายทอดภาพไปยังต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น
ลิเวอร์พูลอาจมีปัจจัยบวกบางอย่างที่สามารถช่วยการขาดทุนได้บ้าง เนื่องจากพวกเขาจะได้รับการชำระเงินที่รอการตัดบัญชีจากผู้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในช่วงของฤดูกาลที่สรุปหลังจากปิดรอบระยะเวลาบัญชีในเดือนพฤษภาคม 2020 ตัวเลขดังกล่าวอาจอยู่ที่ 35 ล้านปอนด์
นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงเรื่องชุด Nike ที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีอัตรารายได้เท่าใด ซึ่งไม่น่าจะต่ำกว่า 30 ล้านปอนด์ต่อปี จากการขายสินค้าลิขสิทธิ์ของ Liverpool/Nike ทั่วโลก โดยลิเวอร์พูลได้รับเงินส่วนแบ่ง 20% ของยอดขายทั้งหมด
นักวิเคราะห์เชื่อว่าจะเห็นมูลค่าของข้อตกลงเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และอาจใกล้เคียงกับ 70 ล้านปอนด์ต่อปีที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเคยได้รับจาก Adidas ผ่านข้อตกลงของพวกเขา ซึ่งจะยังไม่เปิดเผยให้เห็นจนกว่าทีมจะยื่นบัญชีสำหรับปี 2020/21 แล้วเสร็จ
แดน โจนส์ หุ้นส่วนและหัวหน้ากลุ่มธุรกิจกีฬาของ Deloitte กล่าวถึงรายงานของ Deloitte ในด้านการเงินฟุตบอลในปี 2021 อธิบายว่า
“คงจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่ผลกระทบทางการเงินเต็มรูปแบบของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ที่มีต่อฟุตบอลยุโรปจะปรากฎชัด แต่ตอนนี้เราเริ่มเห็นขนาดของผลกระทบทางการเงินที่โรคระบาดใหญ่มีต่อสโมสรในยุโรปบ้างแล้วล่ะ”
“เราหวังว่าฤดูกาล 2021/22 จะเป็นก้าวสู่ความเป็นปกติ ส่งผลให้รายได้ของแต่ละสโมสรฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในฤดูกาลที่จะมาถึง”

• เรื่องน่าสนใจ •

สัมภาษณ์แรกของวาตารุ เอ็นโด ‘มันคือฝันที่เป็นจริงที่ผมได้เซ็นสัญญากับทีมลิเวอร์พูล’

วาตารุ เอ็นโด อธิบายว่าเขาบรรลุความทะเยอทะยานที่มีมาอย่างยาวนานอย่างไร...